วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประตูสีฟ้า / บลูดอร์ : ชื่อไหนก็น่านั่งเหมือนกันหมด

มีใครเป็นเหมือนกันมั้ย ที่ไม่ชอบไปผับ ไม่ชอบนั่งร้านที่มันคนพลุกพล่าน เสียงดังๆ เพราะว่ามันทำให้คุยกับเพื่อนที่ไปด้วยไม่รู้เรื่อง ก็กว่าจะที่เพื่อนทุกคนจะหาเวลาว่างมาเจอกันได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ น่ะ แล้วมาถึงจะให้มานั่งมองหน้ากันอย่างเดียว แล้วก็กินๆ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ก็ดูไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันเลยเนอะ


ไปมาหลายที่แล้ว ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ สุดท้ายมาลงตัวที่ร้าน “ประตูสีฟ้า” หรือ “บลูดอร์” (Blue Door) ร้านหนังสือที่ขายอาหารและเครื่องดื่ม เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ คือ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่ขายหนังสือดีหว่า.....สรุปว่ามันมีทั้ง 3 อย่าง อยู่ร้านเดียวก็แล้วกันนะ


เพราะว่า “ประตูสีฟ้า” ขายอาหารจานเดียว และกับข้าวง่ายๆ  กับเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีทั้งจำพวกกาแฟ โกโก้ และสมูทธี ดึกๆ ก็สั่งเบียร์มาดื่มกันได้ ถ้าไม่กินของมึนเมา สั่ง "น้ำแตงโมปั่น" กับ "สตรอเบอร์รี่ สมูทธี" มากินแทนก็ได้ ชื่นใจดี 


ส่วนอีกซีกหนึ่งของร้าน กับตามมุมต่างๆ ก็แบ่งไว้ให้ชั้นวางหนังสือมากมายนานาชนิด  หนักไปทางหนังสือนอกกระแส หนังสือทำมือ และหนังสือแปลของสำนักพิมพ์ที่เราไม่ค่อยได้ยินชื่อ เอาเป็นว่าหนังสืออะไรที่หาไม่ค่อยได้ตามร้านหนังสือดังๆ ทั่วไป ที่นี่อาจมีให้ ใครอยากได้หนังสือหายาก ลองมาที่นี่ อาจจะเจอก็ได้




ส่วนอาหารที่ “ประตูสีฟ้า” ก็ไม่ได้เป็นอาหารวิลิศมาหราอะไรหรอกนะ มันก็เป็นอาหารที่เราสามารถหากินได้ที่ร้านอื่นๆ จำพวกข้าวผัดต่างๆ ยำโน่นยำนี่ ต้มจืด ต้มยำ พวกของทอด แต่ทำไมพอตอนที่กินเข้าไป มันถึงรู้สึกว่าอร่อยมากก็ไม่รู้แฮะ อาจเป็นเพราะว่ามากินกับเพื่อนๆ กลุ่มที่มีความสุขเวลาอยู่ด้วยกันก็เป็นได้ แต่จะว่าไปถึงแม้อาหารจะดูธรรมดา หาได้ทั่วไป แต่แม่ครัวที่นี่ เค้าก็ปรุงรสชาติได้ดีนะ ไม่ใช่อะไรๆ ก็หนักหวาน หรือสัมผัสได้ถึงการใช้ผงชูรสแบบเต็มเหนี่ยว มันก็เลยทำให้รสชาติของอาหารไม่ธรรมดาเหมือนหน้าตาของมันนั่นเอง และนี่คือเหตุผล 2 ข้อ ที่ทำให้เราชอบมากินที่นี่

ที่เราชอบกิน ก็มี “ข้าวผัดต้มยำกุ้ง” ถ้าจำไม่ผิด น่าจะจานละ 90 บาทมั้ง รสชาติต้มยำจริงๆ ไม่เลี่ยนน้ำมัน มีกุ้งตัวใหญ่เบ้งมาให้ แล้วโปะไข่เจียวลงไปด้วย เรากินซ้ำกินซากได้ไม่เบื่อเลยแหละ กับอีกเมนูนึงที่ต้องสั่งมากินคู่กัน ไปกี่ทีก็ต้องสั่ง คือ “คอหมูทอดเกลือ” (ราคาจำไม่ได้ เพราะชอบสั่งๆ ไปหลายอย่าง แต่ไม่เกิน 150 หรอก) คอหมูติดมันนิดๆ คลุกกับเกลือแล้วเอามาทอดกรอบๆ จิ้มน้ำจิ้มเปรี้ยวๆ คล้ายๆ น้ำจิ้มซีฟู๊ด อร่อยดี กินเพลินๆ แกล้มเบียร์นะ เริ่ด !!!! นั่งกินไปคุยกันไปกับเพื่อนได้ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนเลยล่ะ แล้วหมูจะก็หมดไปในพริบตา โต๊ะตัวโปรดของแกงค์เรา คือโต๊ะเตี้ยตัวยาว กับเก้าอี้ที่ตั้งพิงกระจกของร้าน มีหมอนเล็กๆ ให้เอามาเท้าแขนด้วย เพราะไม่ชอบให้แขนมันไร้ที่วาง เมื่อย !!!  ถ้าไปที่ร้านแล้วโต๊ะตัวนี้ยังว่าง ก็เสร็จพวกเรา

ข้าวพริกขิงกุ้ง

เมนูอื่นๆ ที่น่าสนใจ ก็มี “ข้าวพริกขิงกุ้ง” “ข้าวผัดเนื้อเค็ม” จานนี้ไม่เคยกิน เพราะไม่กินเนื้อ แต่คุณแหวน (กิติยา โสภณพณิช) เจ้าของร้าน บอกว่าเป็นเนื้อเค็มที่สั่งมาจากอยุธยา เนื้อเลยหนานุ่มไม่แห้งแข็ง เห็นแล้วก็น่ากินดีนะ แต่ไม่สามารถกินได้ TT__TT


แล้วก็มี “ข้าวผัดปลาทู”  หอมกลิ่นปลาทูดีล่ะ กับ “ยำปลาสลิด” ปลาสลิดกรอบๆ เปรี้ยวๆ ดี สมควรเอามาเป็นกับแกล้มเป็นที่สุด


ข้าวผัดเนื้อเค็ม
 เมนูที่ “ประตูสีฟ้า” จะมีเมนูหลักๆ ยืนพื้นอยู่ ผสมกับเมนูตามฤดูกาล และตามความครีเอตของแม่ครัว ที่จะอยากจะนำเสนออะไร สัปดาห์นั้นๆ ก็จะมีเมนูแปลกใหม่ที่อยู่นอกเหนือจากเมนูหลักมาให้เรากินกัน เช่น “หมูทอดปลาเค็ม” หนึ่งในเมนูที่อยากกิน แต่ยังไม่ได้กินซะที เมนูพวกนี้จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ถ้าอยากรู้ว่าแต่ละสัปดาห์จะมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มาให้ลองบ้าง ต้องเข้าไปดูในเพจของ “Bluedoor” ในเฟซบุ๊คกันนะจ๊ะ


แล้วไอ้ที่เราชอบมาก เวลาไปจะต้องสั่งมากินปิดท้าย เป็นการล้างปาก คือ “ไอติมละมุน” (อยากเรียกว่าแบบนี้ เพราะมันดูเป็น “ไอติม” มากกว่าจะเป็น “ไอศกรีม”)….มันเป็นไอติมโฮมเมด ที่ไม่ใส่นม แต่ใส่นมถั่วเหลืองแทน เค้าจะตักมาให้ในถ้วยเล็กๆ กินพออร่อย รสที่เคยลองมีชาเย็น น้ำมะพร้าว และพีช มินท์ ซึ่ง “พีช มินท์” นี่ต้องขอให้ลองสั่งนะ เพราะมันอร่อยมากๆ อ่ะ เปรี้ยวๆ แบบมะนาวๆ มีกลิ่นพีชนิดๆ แล้วก็หอมกลิ่นสะระแหน่ด้วย เพราะมันมีใบสะระแหน่เล็กละเอียดถูกบดมาอยู่ในเนื้อไอติมด้วยแหละ


ถ้าไปช่วงเดือนธันวานี้ อาจได้ลองชิม “เบียร์ผลไม้” ด้วยนะ เป็นยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะได้แต่ร่ำๆ จะไป ยังไม่ได้ไปซะที ใครไปลองมาแล้ว ช่วยมาบอกทีว่า มันเหมือนไวน์ผลไม้ทำเอง แบบที่เราทำกันตามครัวเรือนรึเปล่า

อ้อ ร้านไม่มีห้องน้ำเป็นของตัวเองนะ ถ้าจะเข้าห้องน้ำ ให้เดินออกจากร้าน แล้วเลี้ยวขวาไปเข้าด้านหลัง  มีห้องน้ำของช้อปปิ้งมอลล์ให้เข้า บอกกันไว้ก่อน เผื่อใครงง หาห้องน้ำในร้านไม่เจอ และระหว่างทางเดินไปห้องน้ำ ขอให้เหลือบตาไปที่ร้านข้างๆ หน่อยนะ เพราะว่าเค้กช็อกโกแลตหน้านิ่มของร้านที่อยู่ข้างๆ "ประตูสีฟ้า" นั้นอร่อยมากกก ต้องลอง ชิ้นละประมาณ 50 - 60 บาทเท่านั้น


ร้านเปิดทุกวัน  จ.-ศ เปิดตั้งแต่ 11.00 - 23.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ เปิดตั้งแต่ 11.00 -24.00 และ มักจะมีกิจกรรมดีๆ มาให้เข้าร่วมด้วยอยู่เสมอๆ อย่างวันนี้ก็มีพี่โหน่ง วงศ์ทนง แห่ง A Day มามีทติ้งกับชาวทวิตเตอร์ อัพเดตข้อมูลข่าวสารที่หน้าเพจของร้านเลยค่ะ หรือจะแอดเฟรนด์ กับ “ร้านประตูสีฟ้า เอกมัย”  แล้วไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ชวนคุยอะไรสาระๆ ก็ได้นะ มีคนน่าสนใจในความคิดอยู่ในนั้นเพียบเลยล่ะ


(ถ้าเห็นรูปบางรูปในเมนูของร้าน ดูแล้วคล้ายๆ บางรูปใน entry นี้ ก็ไม่ต้องสงสัยไป เพราะว่าได้ยกรูปให้คุณแหวนไปใช้ประโยชน์ส่วนนึง เวลาเห็นรูปที่ตัวเองถ่ายได้ถูกเอาประใช้ประโยชน์ ก็รู้สึกดีนะ)

ร้านอยู่ในเอกมัยช้อปปิ้ง มอลล์ ปากซอย เอกมัย 10 ข้าง Health Land ตรงข้ามสบายใจไก่ย่าง และร้าน กาแฟ ณ ดอยช้าง ไปแถวนั้น อย่าเอารถไปเองจะดีกว่า เพราะแถวเอกมัยนั้น เที่ยงคืนแล้วรถก็ยังติดอยู่เลย โดยเฉพาะวันศุกร์สิ้นเดือน แต่ถ้าเป็นช่วงอื่นๆ ก็เลี่ยงหลีกช่วง 5 โมง – 6 โมงเย็น อันเป็นช่วงเลิกงานไว้ก็พอ หลังจากนั้นรถก็พอเคลื่อนตัวได้ ให้นั่งมอไซค์รับจ้างเข้าไปดีกว่า ราคา 15 บาทนะ ถ้าจำไม่ผิด แต่ไม่เกิน 20 น่ะ บอกเค้าว่าไปเอกมัยชอปปิ้ง มอลล์ แป๊บเดียวถึง ส่วนช่วงเย็นๆ ค่ำๆ แดดไม่ร้อนก็สามารถเดินเข้าไปได้


มีอะไรอยากสอบถาม หรือจะโทรไปจองโต๊ะ โทรไปได้ที่  02-726-9779 (แต่ถ้าช่วงปีใหม่ ใครอยากแวะไปก็เสียใจด้วย เพราะร้านปิดยาวตั้งแต่ 27 ธ.ค. 2553 - 4 ม.ค. 2554)



ถ้าปีใหม่มาอัพเดตอะไรไม่ทัน ก็เจอกันใหม่ปีหน้าเลยนะ ขอเวลาไปเล็งหาร้านน่าสนใจก่อน Happy New Year 2011 ล่วงหน้าค่ะ


ไอติมละมุนรสน้ำมะพร้าว กับชาเย็น


คาปุชิโน่เย็น

ข้าวซอยไก่

ข้าวผัดปลาทู
 

ยำปลาสลิด

แหนมซี่โครงหมู

สตรอเบอร์รี่ สมูทธี







มุมประจำของแกงค์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น