วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"Aston Dining Room" Chef Table ที่สร้างความตื่นเต้นว่าจานต่อไปจะเป็นอะไรกันน้า!!!


ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันมั้ย เวลาไปร้านอาหารที่เรารู้สึกว่าเค้าครีเอตเมนูต่างๆ ได้น่าสนใจ แบบจับเอานู่นมาผสมนี่ แล้วมันออกมาเป็นเมนูที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เราก็จะตื่นเต้นๆ ว่าเอ๊ะๆ จานที่กำลังมาเสิร์ฟนี้มันจะหน้าตาและรสชาติเป็นยังไงมั่งนะ แล้วจานต่อไปล่ะ


ได้ยินชื่อ "Aston Dining Room" มาสักพักนึงแล้ว แต่ตอนแรกไม่รู้ข้อมูลว่าร้านนี้เป็นร้านแบบ Chef Table ที่ "ควรจะ" โทรมาจองก่อน แล้วเชฟจะเซ็ตอาหารไว้ตามจำนวนคนที่โทรมาจอง จะมีเผื่อๆ ไว้สำหรับคนที่วอล์ค อินบ้าง แต่คิดว่าไม่น่าจะเยอะ


ก็เลยมีข้อควรรู้ของร้านนี้มาบอกกัน เพื่อว่าใครอยากจะลองไปชิมกันดู

1. ร้านนี้เป็น เซ็ตเมนู มีทั้งหมด 5 คอร์ส รวมอาหารเรียกน้ำย่อย และของหวานล้างปากอีก 2 อย่าง
เป็น 7 อย่าง ราคา 2,800 บาท++/คน (ไม่รวมเครื่องดื่ม มีให้แต่น้ำเปล่า)



2. ไม่มี a la carte หรืออาหารจานเดียวให้สั่งเป็นจานๆ และเซ็ตเมนูจะยืนพื้นอยู่อย่างนั้นทั้ง 5 จาน จนกว่าจะหมดฤดูกาล จึงจะเปลี่ยนเป็นเมนูใหม่ๆ ที่เหมาะกับฤดูกาล


3. ควรจะโทรจองล่วงหน้า และแจ้งด้วยว่า แพ้อาหารอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า หรือไม่กินอะไร เชฟจะได้หาเมนูที่เหมาะกับเรามาให้แทนเมนูที่เค้ามี



เมนูอาหาร

- จานเรียกน้ำย่อย เค้าจะเสิร์ฟมาให้อุ่นเครื่องก่อน เป็นคำเล็กๆ เสียบไม้มาให้กินง่ายๆ มีเซอร์ราโน่แฮมของสเปน อันนี้กินแล้วรู้สึกรสชาติเหมือนแหนม, เบบี้ สควิด หรือปลาหมึกตัวเล็ก เนื้อเหนียวนุ่มเคี้ยวมันดี, แฮมกับแป้งคล้ายๆ วัฟเฟิล อันนี้ฟังเชฟบอกไม่ทันว่ามันเรียกว่าอะไร


- Salmon, Aruvga, Ikura, Eggs, Wildrice - แซลมอนกราวาแลกซ์เริงระบำบนข้าวป่า
นางเอกของจานนี้ Gravlax หรือแซลมอนสดปรุงรส มันจะออกแนวคล้ายๆ แซลมอนรมควัน แล้วรอบๆ ก็มีแรดดิชสไลซ์บางเฉียบ, อิคุระ, คาร์เวียร์, ใบมัสตาร์ด และ Wildrice ที่เป็นเหมือนข้าวพองกรอบๆ อร่อยดี จานนี้ต้องกินทุกอย่างในจานรวมกันให้ได้ในคำเดียว แล้วมันจะมีทั้งความกรอบจาก Wildrice ความนุ่มจากแซลมอน ความหนุบของอิคุระ (ไข่ปลาแซลมอน) ส่วนรสชาติก็ออกแนวสดชื่น


- Tiger Prawn, Capellini, Mentaiko, Wakame, Prawn Oil - คาเปลลินีผัดกับน้ำมันกุ้ง
เส้นคาเปลลินี่ หรือเส้นแองเจิล แฮร์ ผัดกับน้ำมันกุ้ง, กุ้งฝอยตัวเล็กๆ ทอดกรอบ, หอมใหญ่ดองกรอบๆ เปรี้ยวๆ, วากาเมะ และไข่ปลาเมนไตโกะ (หรือที่คนไทยชอบเรียกว่าไข่กุ้ง) เสิร์ฟมาพร้อมกับกุ้งลายเสือตัวโตม้ากกก และเนื้อแน่นมาก

จานนี้อร่อย 5 ดาวเลยทีเดียว เพราะเส้่นคาเปลลินี่เป็นแบบ al dante หนึบๆ แล้วก็มีความกรอบๆ ของกุ้งฝอยมาเสริม ส่วนรสชาติจะไปทางเค็มๆ มันๆ เข้มข้่นจากน้ำมันกุ้ง ที่เอาเปลือกและหัวกุ้งมาผัดๆ จนได้น้ำมันกุ้งสีแดงๆ


- Quail & Foie Gras, Barley, Moral, Asparagus, Quail Tea  - นกกระทา - ตับห่าน
นกกระทากับตับห่าน เซียร์มาแบบกรอบนอกนุ่มในสุดๆ รองจานมาด้วยข้่าวบาร์เลย์กับเห็ดป่าที่ปรุงแบบริซอตโต้ เหนียวนุ่มเค็มๆ มันๆ และแอสพารากัสผัดกับเนย แถมด้วยซุปนกกระทาให้ซดคล่องๆ คอ

จานนี้ก็ชอบมากๆ อีกเช่นกัน เพราะนกกระทากับหนังของมันจะกรอบๆ ส่วนเนื้อก็ไร้ไขมัน ฟัวกราส์ก็ชิ้นใหญ่ เซียร์มากรอบนอก แต่เนื้อในยังฉ่ำๆ นุ่มๆ ข้่าวบาร์เลย์กับเห็ดป่าก็หอมเนย เคี้ยวแล้วหนุบๆ


- Yarra Valley Lamb, Eggplant, Tomato, Mustard Seed, Red Wine - แกะย่างกับมะเขือม่วงไหม้
จานนี้สุดครีเอต และไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะมันคึือซี่โครงแกะย่างกับซอสไวน์แดง เสิร์ฟพร้อม "มะเขือม่วงไหม้" เป็นมะเขือม่วงไหม้ที่เอามาผสมกับผงแป้งแล้วคนจนกลายเป็นครีมรสชาติมันๆ หวานๆ และเพิ่มรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้รสชาติด้วยเม็ดมัสตาร์ดกองเล็กๆ


- Passion Fruit - Tropical Flavour ไอศกรีมทะเลใต้
ของหวานรสชาติสดชื่น เหมือนอยู่กลางทะเลใต้ เพราะเป็นไอศกรีมรสเสาวรสเปรี้ยวอมหวาน เสริมทัพด้วยมะม่วง สับปะรดย่างไฟ และกีวีช่วยล้างปากจากของคาว แล้วยังมีครีมคัสตาร์ด กับครัมเบิ้ลกรอบๆช่วยสร้างความแตกต่างให้ texture ด้วย



ไปร้านนี้จะสนุกมากตรงที่เราจะได้เห็นการทำงานของเชฟอย่างใกล้ชิดทุก ขึ้นตอน เพราะเค้าจะมาปรุงอาหาร และจัดจานตรงหน้าเราเลยทีเดียว และแต่ละจานก็ประดิดประดอยกันสุดๆ และถ้าเราอยากรู้ว่าวัตถุดิบในจานเป็นอะไรบ้าง เราก็สอบถามเชฟได้เลย


อยากให้ไปลองกันจัง เหมือนไปผจญภัยเลยแหละ ส่วนเรื่องราคาถ้าดูเผินๆ จะรู้สึกว่าแพง แต่ถ้าเทียบกับ Chef Table ที่อื่นแล้ว ถือว่าถูกมากๆ เพราะที่อื่นอื่นสามพันขึ้นไปจนถึงเจ็ดพันทั้งสิ้น แพร์ว่ามันค่อนข้างดีกว่าคอร์สเมนูตามโรงแรมห้าดาวบางแห่งอีกนะ



จานเรียกน้ำย่อย

Salmon, Aruvga, Ikura, Eggs, Wildrice - แซลมอนกราวาแลกซ์เริงระบำบนข้าวป่า

Tiger Prawn, Capellini, Mentaiko, Wakame, Prawn Oil - คาเปลลินีผัดกับน้ำมันกุ้ง

Capellini, Mentaiko, Wakame, Prawn Oil - คาเปลลินีผัดกับน้ำมันกุ้ง

     
Tiger Prawn กุ้งลายเสือ

Quail & Foie Gras, Barley, Moral, Asparagus, Quail Tea  - นกกระทา - ตับห่าน

ข้างในเป็นข้าวบาร์เลย์กับเห็ดป่า

Yarra Valley Lamb, Eggplant, Tomato, Mustard Seed, Red Wine - แกะย่างกับมะเขือม่วงไหม้

ครีมสีดำๆ คือ มะเขือม่วงไหม้ และซอสสีน้ำตาลด้านขวา คือซอสไวน์แดง

Passion Fruit - Tropical Flavour ไอศกรีมทะเลใต้

บรรยากาศครัวเปิด

เห็นเชฟทำอาหารอย่างใกล้ชิด

บรรยากาศชั้น 2 ของร้าน


บรรยากาศชั้นล่างของร้าน









วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Sushi Hiro ใครว่าร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ กระจุกตัวอยู่แต่ในเมือง


Lobster Sashimi


มักจะชอบได้ยินคนพูดกันว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ มักจะกระจุกตัวอยู่แต่ในเมืองเท่านั้น โดยเฉพาะในย่านที่มีคนญี่ปุ่นอยู่อาศัยเยอะๆ เช่น ทองหล่อหรือพร้อมพงษ์ อะไรแบบนี้

แต่จริงๆ แล้วย่านชานเมืองก็มีร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ ซ่อนตัวอยู่หมือนกันอย่าง “Sushi Hiro” นี่แหละ เป็นร้านที่ต้องมาร์คไว้เลยว่า แม้จะไกล (สำหรับหลายๆ คน) แต่ก็คุ้มที่จะมา และแม้ว่าเมื่อได้เห็นราคาของอาหารแล้ว อาจจะคิดว่าแพงจังเลย แต่ถ้าได้เห็นหน้าตาของอาหาร และได้ลิ้มรสชาติของมันแล้ว จะต้องบอกว่าสมราคา เพราะของเค้าสดจริงๆ

อย่าง “Fresh Canadian Lobster” + “Stir Fried Lobster with Butter” (ราคา 1,400 บาท) เป็นเมนูที่สั่ง 1 ได้ถึง 2 เพราะว่าเชฟจะเอาเนื้อของล็อบสเตอร์มาทำซาชิมิ 1 จาน แล้วก็เอาส่วนต่างๆ ของล็อบสเตอร์ที่เหลือจากการทำซาชิมิ ไปผัดกับเนย แล้วเสิร์ฟมาพร้อมกับผักต่างๆ เช่น เห็ดออรินจิ และหน่อไม้ฝรั่งอีก 1 จาน

จานที่เป็นซาชิมิ อยากจะบอกว่า เนื้อล็อบสเตอร์มันเด้งมากๆ ไม่คาวเลยแม้แต่นิดเดียว เนื้อล็อบสเตอร์จะออกหวานนิดๆ ตามธรรมชาติ จริงๆ ไม่ต้องจิ้มกับอะไรก็อร่อย แต่ถ้าชอบจิ้มโชยุ ก็อย่าลืมกินกับวาซาบิสดที่เค้าเสิร์ฟมาให้คู่กัน

ส่วนจานที่เป็นก้ามล็อบสเตอร์ผัดเนย เนื้อจะเหนียวนุ่มมากๆ เชฟกระเทาะเปลือกของก้ามมาให้แล้วเรียบร้อยด้วย ก็เลยกินง่ายหน่อย จานนี้รสชาติจะออกเค็มๆ มันๆ และมีรสหวานตามธรรมชาติของเนื้อล็อบสเตอร์


ส่วนเมนูซูชิ ถ้าใครชอบกินฟัวกราส์ อยากจะแนะนำให้ลอง “Salmon Foie Gras Roll” (ราคา 650 บาท) มันเป็นซูชิที่อยากจะหลับตาพริ้มตอนกินเข้าไปจริงๆ เลย เพราะว่าแซลมอนที่เบิร์นไฟมานิดๆ นั้น ก็นุ่มมากๆ พอกัดเข้าไปข้างในไส้ ก็จะเจอกับความนุ่มของฟัวกราส์ชิ้นโตๆ และอะโวคาโด ยิ่งพอเอาไปจิ้มกับน้ำจิ้มที่เค้าราดมาให้บนจานที่รสชาติหวานๆ เค็มๆ ก็จะยิ่งอร่อย รสชาติโดยรวมของจานนี้คือหวานเค็มมัน และแฝงด้วยรสชาติเฉพาะตัวของฟัวกราส์กับแซลมอน


ทั้งสองจานนี้เห็นเขียนไว้ในเมนูว่าเป็น “Chef Recommend” ด้วยแฮะ แล้วเท่าที่ดูจากรีวิวอื่นๆ คนก็สั่งกันค่อนข้างเยอะด้วย




**** ส่วนการเดินทาง ใครที่ไปไม่ถูก สามารถไปได้สองเส้นทาง คือ

- มาทางเส้นถนนรามอินทราตามปกติ ขับเลยกิโล 5 มาสักพัก จนเห็นซอยวัชรพล ก็แสดงว่าใกล้จะถึงแล้วแหละ แล้วพอถึงแยกที่มีทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์พาดผ่าน แปลว่านั่นแหละถึงละ ชิดซ้ายเลย พอผ่านสี่แยกแล้วจะเจอซอยรามอินทรา 57 อยู่ห่างจากสี่แยกไปแค่ 10 เมตรเท่านั้น

- มาทางเส้นเลียบด่วนรามอินทรา จากเอกมัยสามารถขับตรงไปเรื่อยๆ จนมาเจอแยกที่ตัดกับถนนรามอินทรา ก็ให้เลี้ยวขวา แล้วสังเกตด้านซ้ายมือ จะเห็นเวิ้งของร้าน Niku King ซึ่งเป็นเครือเดียวกันกับ Sushi Hiro


ร้านอยู่ติดๆ กับสี่แยกเลย โปรดชะลอรถดีๆ ระวังจะขับเลย (เพราะเราขับเลยมาแล้ว) แต่หากขับเลย ก็เข้าซอยข้างๆ แล้วลัดมาออกซอย 57 ได้


****



Fresh Canadian Lobster + Stir Fried Lobster with Butter


Stir Fried Lobster with Butter


      
Lobster Sashimi

Salmon Foie Gras Roll

Salmon Foie Gras Roll ไส้ในเป็นฟัวกราส์และอะโวคาโด


หน้าร้าน