วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

Food Passage Zone ณ สยามพารากอน กับ Tudari ร้านภูฟ้าผสมผสาน และ Coffeöl



พอดีวันก่อนต้องไปทำงานที่ชั้น 4 ของพารากอนทั้งวันตั้งแต่สายๆ จนเย็น ก็เลยหาข้าวกลางวัน และข้าวเย็นกินมันบนชั้น 4 นั่นแหละ โชคดีที่ห้างเค้าเพิ่งเปิดโซนนี้ไปเมื่อราวๆ สิงหาคมปีที่แล้ว เราเลยไม่ต้องถ่อสังขารเดินลงไปกินที่ Another Hound  Cafe หรือลงไปแย่งที่กินกับคนอื่นที่ชั้นล่างสุดซึ่งคนเยอะจนตาลาย


ข้อดีของชั้น 4 คือ มันเป็นโซนเปิดใหม่ คนยังไม่ค่อยเยอะ ทำไมไม่รู้เหมือนกัน หรืออาจะเป็นเพราะมันอยู่สูง คนเลยขี้เกียจปีนบันได หรือเบียดคนในลิฟท์ขึ้นมา เราเลยสามารถเลือกร้าน และเลือกที่นั่งในร้านที่เข้าไปได้ตามสบายเลย ไม่ต้องรอต่อคิว ไม่ต้องรออาหารนาน และไม่ต้องอารมณ์เสีย


เราจัดไป 3 ร้านก่อนเบาๆ เดี๋ยวคราวหน้าค่อยไปเก็บอีก 2 – 3 ร้าน



Coffeöl
Chicken Panini

ร้านกาแฟคีออสร้านนี้ มีโซฟาสีแดงน่านั่งมากๆ และเราเห็นว่าในตู้มันมีปานินี่ดูหน้าตาน่ากิน เลยตัดสินใจกินอาหารกลางวันที่นี่ เราสั่ง "Chicken Panini" (ไก่-ชีส ปานินี่) ราคา 145 บาท ได้ปานินี่ไส้ตู้มมาหนึ่งชิ้น หั่นครึ่ง ชอบตรงที่ผิวหน้าขนมปังกรอบมาก ส่วนชีสก็เยิ้มกำลังดี และไก่รมควันก็ใส่มาให้เยอะนะ (ไก่รมควันก็เหมือนไก่อบชานอ้อยนั่นแหละ) เรากินเปล่าๆ เลย ไม่ได้จิ้มซอสมะเขือเทศที่เค้าให้มาด้วย คนที่ชอบชีสอย่างเรา ชอบอะไรที่ชีสมันเยอะๆ เยิ้มๆ แบบนี้แหละ


ไก่รมควันและชีสเยิ้มๆ

พนักงานบอกว่าปานินี่ที่ร้านมี 3 ไส้ คือ ไก่-ชีส, แฮม – ชีส และ ชีสเปล่าๆ ชอบแบบไหน ก็ลอง
สั่งดู


Iced Matcha Honey Lamon
ส่วนเครื่องดื่ม พอดีช่วงนี้ไม่ค่อยอยากจะกินอะไรครีมๆ หวานๆ เท่าไหร่ อยากกินอะไรใสๆ เปรี้ยวๆ มากกว่า เลยสั่ง "Iced Matcha Honey Lamon" (แก้วใหญ่) ราคา 105 บาท มาดื่มดู ตอนแรกนึกว่ามันจะเป็นแบบชาเขียวญี่ปุ่น ในร้านอาหารญี่ปุ่นซะอีก แต่ปรากฏว่ารสชาติของน้ำผึ้งและมะนาวจะโดดเด่นกว่าชาเขียวนะ กินแล้วก็ชุ่มคอดับกระหายและแก้ปวดหัวเพราะหิวได้ดี


Coffeöl นี่รสชาติก็ถือว่าใช้ได้นะ แต่เราว่าราคาแพงไปนิดนึง เมื่อเทียบขนาดของอาหารกับราคาแล้ว แพงกว่าสตาร์บัค หรือ กลอเรีย จีนส์ซะอีก (เบเกอรี่ในสตาร์บัคราคาไม่ถึงร้อยก็มีนะ ส่วนพวกแซนวิชอบ ของกลอเรีย จีนส์ราคาแค่ 75 บาทเท่านั้นเอง)  และพนักงานทำอาหารช้าไปนิด เราสั่งไปตอน 12.30 แต่เค้าเอาปานินี่มาเสิร์ฟให้ตอน 12.48 เกือบๆ 20 นาทีเลยแน่ะ ซึ่งเรามีนัดกับลูกค้าตอนบ่ายโมงเป๊ะ และไม่อยากเลท เลยเลือกมากินร้านแนวๆ นี้ เพราะเห็นว่าพวกร้านคอฟฟี่ ชอปอาหารไม่น่าจะต้องทำอะไรกับมันนาน แต่พอมันนาน เราจึงนั่งดูเวลาอยู่ตลอด และรู้สึกว่าทำไมมันนานจัง จนต้องหันไปเร่ง คิดว่าควรปรับปรุงขั้นตอนการปรุงอาหารที่สุกมาอยู่แล้วให้ดีกว่านี้ค่ะ







Tudari

ต่อมาก็เป็นมื้อเย็นที่กินบ่าย 4 โมงกว่าๆ หลังจากทำงานเสร็จ ตอนมาเดินรอบแรก ก็เล็งๆ ไว้ละว่าร้านไหนน่าสน แต่ที่ตัดสินใจเลือกร้านนี้ เพราะมันเป็นอาหารเกาหลี ที่อยากกินมานาน แต่ไม่สบโอกาสซะที


บิบิมบับหมู และเครื่องเคียง



(หน้าสุด) ชิจิมิ, ผักโขมผัดน้ำมัน, กิมจิ

เมนูที่ฝันว่าอยากจะกิน คือ “บิบิมบับ” นะ เพราะมันใส่ผักเยอะดี แลดูน่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย และดูเผ็ดน้อย เลี่ยนน้อยที่สุดแล้ว ในบรรดาอาหารเกาหลีที่เรารู้จัก


เมื่อเข้าไปในร้านจึงสั่ง “บิบิมบับหมู” ราคา 260 บาท แล้วมันก็มาเสิร์ฟในกระทะร้อน ควันฉุยเสียงดังฉ่าๆ มาเลย รออยู่นานเหมือนกัน กว่าควันจะหายไป ว่าแล้วก็จัดการคลุกๆ ทั้งที่ไม่อยากจะคลุกเลย เพราะอาหารในชามจัดมาน่ากินมาก สีสวยสด จนไม่อยากไปทำลายความงามของมัน


บิบิมบับหมู ชามนี้ประกอบด้วยเห็ดหอม เห็ดเข็มทอง เห็ดนางฟ้าฉีกฝอย ถั่วงอก แครอทหั่นเป็นเส้น ไข่เจียวหั่นเป็นเส้น ผักโขมผัดกับน้ำมัน หมูผัดซอส ราดซอสพริก แล้วตอกไข่ไก่ลงมาตรงกลาง โรยซ้ำด้วยงาดำ



ชามะนาวรสชาติอ่อนๆ

ช้อนและตะเกียบสีเงิน แต่ไม่ใช่เหล็กนะเพราะมันเบามาก

และก่อนที่จะบิบิมบับจะมาเสิร์ฟ เค้าจะยอกเครื่องเคียงมาให้ ประกอบด้วย ซุปสาหร่าย และจานใส่เครื่องเคียงเล็กๆ มีกิมจิผักกาดขาว ชิจิมิ (แป้งทอดใส่ผักและพริก แบบเดียวกับมอนจายากิ หรือโอโคโนมิยากิของญี่ปุ่น) และผักโขมคลุกน้ำมันใส่งาขาว และซอสพริกแยกต่างหากมาให้อีกถ้วยนึง เผื่ออยากเติมลงในข้าวอีก




รสชาติมันไม่ได้ชัดเจนโดดเด่นนักนะว่าเผ็ด เค็มๆ หรืออะไร แต่เราชอบตรงที่มีผิวสัมผัสของผักให้เคี้ยวหลากหลายมากเลย พวกเห็ดมันก็จะหยุ่นๆ เหนียวๆ หน่อยใช่มั๊ย ส่วนผักโขมก็นุ่มๆ แล้วก็มีเจอกรุบๆ ของถั่วงอก แล้วข้าวข้างล่างสุดก็กรอบๆ ติดกระทะนะ สรุปคือกลายเป็นอร่อยดีแฮะ และอยากจะไปอีกล่ะ คราวหน้าจะลองสั่ง “บิบิมบับปลาหมึก” ดูนะ (ราคา 280 บาท)



ภูฟ้าผสมผสาน
ร้านสุดท้ายของวัน เดินเข้าไปเพราะอยากหาร้านขายเครื่องดื่มที่นั่งได้นานๆ และราคาไม่แพง เนื่องจากต้องนั่งรอเวลาสำหรับอีกนัดนึง ถึง  2 – 3 ชั่วโมงเลยล่ะ ร้านภูฟ้าผสมผสานจึงเป็นตัวเลือกของเราไป เพราะราคาเครื่องดื่มเป็นมิตรมากๆ แค่แก้วละ 35 – 45 บาทเท่านั้นเอง



ชามะระขี้นก

เราอ่านเมนูที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ แล้วถามพนักงานว่า "ชามะระขี้นก" มีสรรพคุณอะไรบ้าง เค้าก็บอกว่ามันช่วยแก้ไข้ แก้ร้อนในได้ ซึ่งเราตอนนั้นเริ่มจะไข้ขึ้นแล้ว แถมปวดหัวไมเกรนมาแต่เช้า เพราะแอร์ที่แรงเกินไปของห้างในบริเวณที่เราต้องไปเจอลูกค้า ก็เลยสั่งชามะระขี้นกเย็นนี่แหละ แก้วละ 35 บาทเท่านั้น ถูกชะมัด


ตอนแรกก็นึกว่าจะขมมากจนกินแล้วไม่อร่อย ปรากฏว่ามันไมได้ขมขนาดนั้นอ่ะ ก็กินได้นะ คือถ้าปกติเป็นคนที่กินแกงจืดมะระได้ ก็จะกินชามะระขี้นกได้น่ะ เพราะความขมอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เค้าเสิร์ฟน้ำเปล่ามาให้ด้วยนะ เอาไว้ล้างปาก เผื่อรู้สึกว่าขมเกินไป


เห็นมีชาชนิดอื่นอยู่อีกเพียบเลย ล้วนแล้วแต่มีสรรพคุณทางยาทั้งนั้น ว่าจะไปกินอีกนะ
ถ้าไปพารากอน


                                                   ***************

เสร็จสิ้นการกินและการสำรวจคราวนี้ละ คราวหน้าเล็งร้าน Midtown กับร้านปิ้งย่างข้างๆ Tudari ไว้ เดี๋ยวจะต้องจัดไปซะหน่อย

2 ความคิดเห็น: