วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

ก๋วยเตี๋ยวลุงเหลา ก๋วยเตี๋ยวเรืออิมแพค ก๋วยเตี๋ยวเพิ่มพูน ก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อย ที่คุณอาจไม่เคยรู้จัก


ก๋วยเตี๋ยวเรืออิมแพค

เคยมั๊ยอ่ะ เวลาอ่านรีวิวพวกร้านอะไรอร่อยๆ แบบพวกร้านเล็กๆ ห้องแถว ร้านที่พูดชื่อขึ้นมาแล้วทุกคนร้องอ๋อ หรือพวกร้านเจ้าดังๆ ที่ขายมากว่า 60 ปี (ด้วยไหและหม้อที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษ) แล้วก็อยากจะไปลองกินกับเค้าดูบ้าง แต่พอไปถึงถิ่น ถึงที่ของร้านอร่อยเจ้าดัง มันก็ไม่มีโต๊ะว่างๆ ให้นั่งบ้างล่ะ รอคิวน๊านนานปานว่าพ่อครัวแม่ครัวเค้าไปโม่แป้งกันอยู่ หรือกำลังไปเก็บผักที่สวนซึ่งอยู่ห่างออกไปอีก 20 กิโลเมตร หรือที่แย่กว่านั้น คืออุตส่าห์ถ่อสังขารไปซะไกล พอไปถึง ปรากฏว่าของหมด!!!!! หมดแบบทำต่อไม่ได้ หมดแบบ ถ้าฝืนให้เค้าทำมาให้กิน มันจะไม่ครบสูตร !!!!



แล้วทำไมต้องลำบากลำบนกันขนาดนั้นเหรอ แล้วทำไมเราต้องไปกินอะไรเหมือนใครด้วยล่ะ....เราไปหาของกินที่เราเท่านั้นที่เป็นผู้ค้นพบบ้างได้มั๊ยล่ะ....ของกินที่บ้างทีก็โคตรอร่อย แต่ว่าเป็นที่รู้จักเฉพาะคนแถวนั้นเท่านั้น (ซึ่งสาเหตุหนึ่ง ก็อาจเป้นเพราะเจ้าถิ่นเค้าอาจจะไม่อยากบอกต่อ ให้ใครมากินกันเยอะๆ จนแย่งที่ร้านอร่อยของเค้าก็เป็นได้นะ คนละแวกอื่นเลยไม่ค่อยรู้จัก)


แต่ว่าถ้าเราไปถามๆ เพื่อนของเรากันนะ ว่าแถวบ้านแก หรือแถวที่ทำงานแกมีอะไรอร่อยบ้าง เค้าต้องบอกมาสักอย่างสองอย่างแหละน่ะ แล้วเราค่อยจัดการไปพิสูจน์ว่า “มันอร่อยจริงมั๊ย”


เหมือนร้านก๋วยเตี๋ยว 3 ร้านที่เอามาฝากกันคราวนี้ ซึ่งเราไปพิสูจน์ความอร่อยของมันมา หลังจากที่นั่งรถผ่านไปแถวบ้านเพื่อน แล้วเจ้าตัวก็บอกว่าร้านก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อยนะ ขายมาเป็น 10- 20 ปีแล้ว กับอีกร้านนึงที่เราเห็นเพื่อนโพสต์ลงเฟซบุ๊ค หน้าตาดุน่ากิน เลยจัดการถามไถ่ เพื่อนเลยบอกว่าอยู่แถวบ้านชั้นเอง ส่วนร้านที่สามเพื่อนมาพรีเซนต์เอง ว่าอร่อยอย่างโน้นอย่างนี้ เป็นร้านแถวที่ทำงานเก่ามัน.....เราเลยละจากร้านหรูชั่วคราว แล้วตามไปชิมร้านเหล่านั้น เอามาลงคอลัมน์ และเอามาลงบล็อกนะ



เริ่มกันที่ร้านแรก


ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงเหลา: พัฒนาการ 53  (ทางลัดไปออกมอเตอร์เวย์)


ร้านนี้แหละที่นั่งรถผ่านไปแถวบ้านเพื่อน แล้วเพื่อนภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างมาก เพราะมันกินมาตั้งแต่เด็กๆ ป๊าก็ชอบ แม่ก็เชียร์ ฟังมันพูดกรอกหูทุกวัน เลยต้องมาชิมซะหน่อย ว่าแล้วก็จัดไปหนึ่งชาม ด้วย “บะหมี่หมูแดง” 



ซึ่งเมื่อชามบะหมี่มาถึง ก็ประหลาดใจเล็กน้อย เพราะบะหมี่หมูแดงที่เรารู้จักนั้น “มันไม่ใส่ถั่วงอกนะคะลุง!” แต่พอเหลือบไปดูที่ตู้บะหมี่ของคุณลุง ก็ปรากฏว่า ในตู้มันมีสารพัดเส้นเลยค่ะ ทั้งเส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ และเส้นบะหมี่ เลยเข้าใจ ณ บัดนั้นว่า “นี่ไม่ใช่ร้านบะหมี่หมูแดงแต่อย่างใด” หากแต่ว่ามันคือ.... "ร้านก๋วยเตี๋ยว" ไง....ก็เออน่ะสิ ร้านก๋วยเตี๋ยว...เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวก็เลยต้องมีทุกเส้น และเครื่องปรุงก็มิได้มีแค่หมูแดงอย่างเดียวด้วย แต่ยังมีหมูสับ ถั่วงอก และตั้งฉ่ายด้วย แถมแอบดูตอนลุงเค้าทำ เค้าจะใส่น้ำตาลทรายมาให้ในชามแล้วนะ ฉะนั้นคนหนักหวานก็ไม่ต้องเติมน้ำตาลเพิ่มอีกให้เยอะนัก ส่วนคนไม่ชอบหวาน ก็ไม่ต้องเติมแล้ว... (หวังว่าลุงจะเติมน้ำตาลปริมาณเท่ากันทุกวันนะ)


ส่วนสรรพคุณที่เพื่อนได้บรรยายไว้นั้น ก็จริงดังที่มันว่าไว้ทุกประการ....คือ มันอร่อยมากนะ เส้นบะหมี่นุ่มมาก (เส้นอื่นไม่ได้ชิมมา ขอรบกวนพ่อแม่พี่น้องไปชิมกันเอาเอง) เสียอยู่อย่างหมูแดงนั้น ลุงแกหั่นมาให้บางเฉียบไปหน่อย แต่ก็เอาเหอะ เพราะมันมีหมูสับมาให้ด้วยพูนๆ แถมมีกากหมูของโปรดโรยมาให้อีก แต่ดันลืมบอกเค้าว่าไม่เอาถั่วงอก เพราะไม่คิดว่ามันจะมีถั่วงอก เลยต้องมานั่งเขี่ยๆ ออก (ก็คนไม่ชอบกินถั่วงอกในก๋วยเตี๋ยวอ่ะนะ) พอราดน้ำส้มพริกดองลงไป แล้วใส่พริกป่นอีกหน่อย คลุกๆ ให้มันเข้ากัน....อร่อยนะ!! เป็นความอร่อยง่ายๆ ดี  โดยไม่ต้องมีน้ำปรุงสูตรตามต้นตำรับ ที่อุดมไปด้วยผงชูรสเลยแม้แต่น้อย






ใครจะไปกิน “ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงเหลา” ขอให้ไปก่อนบ่ายสองนะ เพราะหลังจากนั้น ลุงแกก็อาจจะบ๊ายบาย เก็บร้าน เข้าบ้านพักผ่อนแล้วน่ะสิ ส่วนเส้นทางนั้น มาได้หลายทางจนมึน ไม่รู้จะอธิบายไง เอาเป็นว่าถ้าใครมาถนนพัฒนาการถูก ซึ่งมาได้จากทั้งเส้นพระราม 9 เส้นเพชรบุรี เส้นศรีนครินทร์ และเส้นอ่อนนุช ถ้าเข้ามาเส้นพัฒนาการได้แล้ว ก็ให้หาซอยใหญ่ๆ 4 เลน ที่อยู่ตรงข้าม “โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ” เอาไว้นะ ปากซอยมันจะเขียนว่า “โอเอซิซ” (ซึ่งเป็นอเวนิวเล็กๆ ตรงกลางซอย) สังเกตง่ายๆ คือหน้าปากซอยจะมีศาลพระพรหม หรือพรพิฆเนศวร นี่แหละ ตั้งอยู่ (ขออภัยจำไม่ได้แน่ชัด ว่าเป็นเทพองค์ไหนกันแน่) ขับรถ หรือเดินตรงเข้าไปในซอยสักประมาณ 50 – 60 เมตร ร้านลุงเหลาจะอยู่แถวๆ ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย หาไม่ยาก ให้เงยหน้าขึ้นไปดู จะเห็นป้ายอันน้อยๆ ห้อยอยู่ เขียนว่า “ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงเหลา” (ดูได้จากภาพข้างล่าง)






ก๋วยเตี๋ยวทุกอย่างใส่ชาม 25 บาท ใส่ถุง 30 บาท….ขอให้ไปลอง เพราะเราไปซ้ำมาอีกรอบแล้ว แถมซื้อกลับมาฝากคนที่บ้านด้วย สาเหตุที่ติดใจ เพราะชอบเส้นนุ่มๆ กับความไม่แฉะของน้ำมันที่ใช้คลุกเส้น มันเบาๆ ดี




ร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออิมแพค: ชั้นล่างป๊อปปูลาร์ คอนโด ตึกC5 ด้านหลังตึก


อันนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปในเฟซบุ๊คของเพื่อน มันไปกินแล้วมันก็อัพมา เออ น่ากินดีแฮะ เลยสอบถามได้ความว่า มันอยู่ที่ใต้ป๊อปปูลาร์คอนโด อิมแพค เมืองทองธานี นี่แหละหนา


ถามว่ามันไกลไปมั๊ย มันก็ไกลแหละนะ สำหรับคนที่ไมได้อยู่แถวนั้น แต่ถ้าใครอยู่ละแวกนั้น ร้านนี้ก็แนะนำให้ไปเลยแหละ เพราะว่าสมัยนี้หาก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อยๆ ยากอยู่เหมือนกันนะ ที่สำคัญร้านเค้าสะอาด กินแล้วไม่รำคาญใจ ก๋วยเตี๋ยวก็ชามเล็กกำลังดี กินได้เรื่อยๆ วันนั้นรู้สึกจะฟาดไปเบาะๆ แค่ 3 ชาม แต่เพื่อนที่ไปด้วยกันซัดไป 5 ชาม... จัดหนักจริงๆ


ร้านนี้ชอบตรงที่เส้นบะหมี่ไมได้ใช้เส้นแบบแบนๆ นะ เห็นเดี๋ยวนี้เค้าชอบใช้เส้นแบบนั้นกัน เราว่ามันไม่อร่อยอ่ะ มันไม่ซึมซับน้ำซุปในชาม แล้วอีกอย่างที่ชอบก็คือเนื้อหมูมันเหนียวนุ่มกำลังดี ไม่เปื่อยไป แล้วก็ชิ้นไม่เล็กจนหาไม่เจอนะ แต่เสียดายอยู่อย่างที่วันนั้น ไปกินตอนประมาณบ่ายสอง ของสำคัญเลยหมดไปแล้ว ของสำคัญที่ว่านั่น มันคือ.... "กากหมู"  นั่นเอง !!! เค้ามีให้สั่งแยกต่างหากได้ ซึ่งดูจากที่ว่ามันหมดไปแล้วตั้งแต่บ่ายโมงเนี่ย แปลว่าคนไทยไม่กลัวไขมันอุดตันเส้นเลือดกันเลยเนอะ






ก๋วยเตี๋ยวเรือหมู-เนื้อ และเกาเหลา ธรรมดา 15 บาท พิเศษ 30 บาท ใส่ถุงมีราคาลดหลั่นกันไป คือ 30 – 35 – 40 บาท ไปถามกันเอาเองนะ ว่ามันต่างกันยังไง






สำหรับทางไปก็ไม่ยาก ก็เข้าไปข้างใน อิมแพค เมืองธานีนั่นแหละ จะขับรถเข้าไป หรือนั่งสองแถวก็ได้ ขับเลยอิมแพคไปสักพัก จะมองเห็นหมู่มวลคอนโดขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น นั่นแหละจ้ะ ป๊อปปูลาร์ คอนโด ตึก C5 หาไม่ยาก มีเลขบอกข้างหน้า ไปถึงแล้วจอดรถ หรือลองขับอ้อมมาหาที่จอดด้านหน้าร้านก็ได้ ร้านจะอยู่หลังคอนโดนะ ถ้าเดินมาจากข้างหน้าตึก ก็เลาะด้านข้างมาหน่อย แล้วเลี้ยวซ้ายเดินไปอีกคืบหนึ่ง ก็จะเห็นป้ายร้านตั้งอยู่เด่นเป็นสง่า พร้อมโต๊ะไม้เล็กๆ หน้าร้านด้วย นั่นแหละ “ก๋วยเตี๋ยวเรืออิมแพค”



ร้านเพิ่มพูนก๋วยเตี๋ยวหมู-เนื้อ: ซอยวิภาวดี 16/10


ร้านนี้เพื่อนภูมิใจนำเสนอมาก บอกว่าอร่อยๆๆๆๆ มาก แค่เดินผ่านกลิ่นน้ำซุปก็จะโบยบินมาเข้าจมูกแล้ว ก็เลย เออ ไปลองดูหน่อยก็ได้วะ ไปถึงตอนแรกเกือบหาไม่เจอ เพราะร้านเล็กมาก แต่เค้ามีสองร้านอยู่ข้างๆ กันนะ ร้านนึงขายก๋วยเตี๋ยวหมู ร้านนึงขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ มีร้านอะไรสักอย่างมาคั่นอยู่ตรงกลาง แต่ถ้าใครไปกะเพื่อน แล้วดันชอบกินกันคนละอย่าง คิดว่าน่าจะสั่งข้ามไลน์มานั่งกินที่อีกร้านนึงได้แหละ ลองถามเค้าดู


จุดเด่นของ “เพิ่มพูนก๋วยเตี๋ยวหมู-เนื้อ” มันอยู่ตรงที่ “หมูสด” ที่ใช้เนื้อหมูชิ้นหนาใหญ่มาก และมันนุ่มมาก จะคนละฟีลกับร้านก๋วยเตี๋ยวเรือตะกี๊เลยนะ อันนั้นมันเหนียวนุ่มสู้ฟัน... แต่ของ “เพิ่มพูนก๋วยเตี๋ยวหมู-เนื้อ” นั้น มันนุ๊ม นุ่ม เหมือนเค้าคงเอาไปหมักกับอะไรสักอย่าง แล้วเอาไปตุ๋นในหม้อตุ๋นที่ตั้งไว้เดือดปุดๆ อยู่ด้านหน้าร้านนั่นแหละ และในหม้อนี้แหละมันมีความพิเศษอยู่เพียบเลย เพราะมันจะมีเครื่องในพวกไส้อ่อน และหมูตุ๋นอยูู่ในนั้นด้วย และรสชาติความอร่อยของทุกสิ่งอย่าง มันจะต้องกลั่นออกมารวมกันอยู่ในหม้อนั่นแน่ๆ เลย...






ตอนที่ไปกิน มีแอบงงๆ นิดหน่อย ตรงที่พวงเครื่องปรุงนั่นแหละ ว่าทำไมมันน้ำเต้าหู้ยี้มาวางไว้ด้วยหวา ร้านนี้เค้าขายสุกี้ด้วยรึ แต่ทั้งๆ ที่ยังสงสัยอยู่ ก็ยังตักน้ำเต้าหู้ยี้ในแก้วนั้นมาราดลงไปบนบะหมี่แห้งของตัวเองอยู่ดี มันทำให้ก๋วยเตี๋ยวเข้มข้นดีนะ มาถามเพื่อนตอนหลังถึงได้รู้ว่า ทำถูกแล้วล่ะ เค้าก็เอามาวางไว้ให้ใส่ลงไปในก๋วยเตี๋ยวนั่นแหละ แต่แอบมีที่ไม่ชอบอยู่เหมือนกัน คือ เค้าใช้บะหมี่เส้นแบนแบบที่เราเพิ่งบ่นไปว่าไม่ชอบเนี่ยแหละ


น้ำเต้าหู้ยี้


น้ำซุปหอมพริกไทย 

และจุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ ที่เพื่อนบรรยายให้ฟังซะจนจมูกได้กลิ่นตามไปด้วย นั่นก็คือน้ำซุป ที่แม้เราจะสั่งแห้งไป แต่เค้าก็จะตักน้ำซุปถ้วยเล็กๆ มาตั้งให้เราได้ซดคล่องๆ คออยู่ดี และน้ำซุปนี่ก็ชิมแล้วรู้เลยว่าไม่ได้ใส่ผงชูรสเหมือนบางร้านที่ใส่กันลงไปในหม้อเป็นกระสอบเลยนะ เคยไปแอบเห็นมาแบบนั้น ทำให้ไม่อยากกินน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวอีกเลย แต่ “เพิ่มพูนก๋วยเตี๋ยวหมู-เนื้อ” ไม่มีรสหวานเอียนๆ แบบนั้น บวกกับความนุ่มของเนื้อหมูและมีไส้อ่อนนี่แหละ เลยลบล้างเรื่องที่ไม่ชอบเส้นไปได้


ก๋วยเตี๋ยวชามละ 35 บาท พิเศษ 40 บาท






สำหรับทางไป ให้ตั้งต้นจากห้าแยกลาดพร้าวนะ ขับรถผ่านห้าแยกลาดพร้าวเข้ามาในเส้นวิภาวดี-รังสิต มุ่งหน้าไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซอยวิภาวดี 16 จะอยู่เลย ตึกสำนักงานการบินไทยไปประมาณ 500 เมตร จะเห็นซอยใหญ่ๆ ทางด้านซ้ายมือ ที่มีอยู่ซอยเดียวแหละแถวนั้นที่ใหญ่ที่สุด... ให้เลี้ยวเข้าไปเลย ขับตรงไปสัก 300 เมตร ให้คอยมองทางขวามือไว้ จะเห็นป้ายซอยย่อย เขียนว่า ซ.วิภาวดี 16/10 ....ก็ให้อยู่แถวๆ หน้าปากซอยนั่นแหละ เพราะร้านอยู่หน้าปากซอยนั้น มีป้ายอันเล็กๆ ห้อยอยู่เหนือร้านแบบเดียวกะร้านลุงเหลาเป๊ะเลย นัยว่าประหยัดงบ เจ้าของร้านใจดี ใส่แว่นตา เห็นหน้าพี่เค้าแล้วทำให้อยากกินก๋วยเตี๋ยวเพิ่มอีกชาม….อ้อ ร้านนี้เค้าขายมากว่า 27 ปีแล้วด้วยนะ ร้านนี้คือร้านที่ย้ายมาจากร้านเก่าที่สุทธิสาร





ร้านอร่อยๆ นะ บางทีมันจะซ่อนตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยที่ไม่เด่น ไม่ดังอ่ะ ต้องพยายามซอกแซกกันหน่อย ของสมัยนี้หาอร่อยยากอ่ะ เอะอะอะไรก็ผงชูรส เอะอะอะไรก็หวานไว้ก่อน...เราก็ต้องพยายามสอบถามและตามหานิดนึง มันถึงจะเจอของอร่อยๆ นะ


จริงๆ ว่าจะทำแผนที่อธิบายทางให้ แต่ยังไม่มีเวลา ขอติดไว้ก่อน อาทิตย์หน้า น่าจะทำแผนที่ให้ได้นะคะ

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

Patio Again !!: ไม่มีอะไรมากแค่ Calamari กับ เครปซูเซทซอสส้ม

คาลามารีกับซอสทาร์ทาร์
ตอนแรกกะว่าจะเอาร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ แต่คนไม่ค่อยรู้จักมาฝาก แต่ว่าพอดีเมื่อวันเสาร์ ไปกิน "Patio" มาอีกแล้ว เบื่อกันรึยังเนี่ย แต่เราไม่เบื่อหรอกนะ เพราะมันอร่อยจริงๆ ราคาก็พอสู้ไหว เลยไปซัดข้าวผัดกากหมูมาอีกแล้ว แต่คราวนี้เราจะไม่พูดถึงข้าวผัดกากหมูกันละ เราจะมาพูดถึง “ปลาหมึกทอดซอสทาร์ทาร์” หรือ “Deep-Fried Calamari with Tartar Sauce" กันดีกว่านะ


มันเป็นเมนูของกินเล่นที่เหมือนจะทำง่ายๆ นะ แต่บางร้านก็ทำออกมาไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ เหมือนกับว่า ขนาดของวงปลาหมึกมันจะต้องพอดีๆ หนาไปก็ไม่กรอบ บางไปก็เคี้ยวไม่มัน จะต้องหั่นให้ได้ขนาดของวงที่หนากำลังดี มันถีงจะเหนียวสู้ฟันและยังมีความรกอบของแป้งอยู่


ส่วนซอสทาร์ทาร์นี่มันก็รสชาติแตกต่างกันไปในแต่ละร้านนะ ของ "Patio" รสชาติมันจะไม่ได้เปรี้ยวมากนัก มันจะเปรี้ยวแค่นิดหน่อย เราก็จะเอาเกลือพริกไทยที่มันวางไว้ให้บนโต๊ะ มาบดๆ โรยลงไปบนหน้า รสชาติมันก็จะเข้มขึ้นหน่อยๆ ราคาจำไม่ได้แฮะ ไปกินเองไง เลยไม่ได้จดมา แต่น่าจะประมาณ 125 บาทนี่แหละมั้ง ไม่เกิน 180 บาทหรอก





เครปซูเซทซอสส้มและไอศกรีม
ส่วนของหวานวันนั้น จัด  “เครปซูเซสซอสส้มและไอศกรีม” ไปหนึ่งจานเป็นการปิดท้าย (ราคาประมาณ 165 บาท) ชอบซอสส้มของเขา มันเปรี้ยวๆ ดี หวานนิดๆ เพราะมันไม่หวานมากนี่แหละก็เลยชอบ (แต่บางวัน ไม่รู้ว่าพนักงานมือหนักเกินไปหน่อยหรือว่ายังไง ซอสมันจะมีรสขมๆ บางนิดหน่อยนะ เหมือนผิวส้มมันติดมาด้วยอ่ะ)


ส่วนตัวเครปก็นุ่มๆ ยิ่งมันอมซอสส้มเอาไว้จนเนื้อฉ่ำๆ นะ อุ๊กรี๊ดดดดด อร่อยมากนะ ตักๆ เอาซอสส้มไปราดๆ ลงบนไอศกรีมวานิลลาเย็นเจี๊ยบๆ ด้วย ซอสมันจะร้อนๆ ไง มันก็จะทำให้ไอศกรีมละลายออกมานิดนึงจนผสมกับซอสส้ม คนอื่นอาจจะเฉยๆ แต่เราชอบนะ



สรุปว่ามื้อนั้น แคลอรี่มากมายเลยนะ แต่ช่างมัน ก็อยากกิน!