วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Launderette Garden : ไปกินข้าวที่สวนบ้านเพื่อน


สวนด้านหน้าร้าน
ช่วงนี้กำลังหาร้านเล็กๆ ที่นั่งสบายๆ มีทั้งแอร์ และมีทั้งโอเพ่น แอร์อยู่ในตัวไปลงคอลัมน์สักหน่อย ที่สำคัญต้องไปง่ายๆ ด้วย เอาแบบที่สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปถึงแล้วเดินต่ออีกนิดหน่อย หรือนั่งรถแท็กซี่ระยะสั้นๆ หรือมอไซค์รับจ้างก็ได้ เพราะนับวันแถวสุขุมวิทอันเป็นที่อยู่อาศัยของเราและหลายๆ คนนี้ มันก็ช่างรถติดเหลือเกิน จะติดไปไหนนักหนากันนะ



แล้วก็ไปเจออยู่ร้านนึง จากร้านการดูรายการเคเบิ้ลทีวีรายการหนึ่ง แล้วได้ยินเจ้าของร้านเค้าบอกพิธีกรว่า คอนเซปท์ของร้านคือการทำร้านอาหารไปพร้อมๆ กับการทำร้านซักรีด ร้านนี้ก็เลยมีชื่อว่า “Launderette Garden".....อะไรอ่ะนั่น...ซักผ้าไปด้วยกินข้าวไปด้วยงั้นเหรอ เออก็แปลกดีนะ แล้วการตกแต่งร้านมันก็ดูเก่าๆ เหมือนบ้านของใครสักคนที่เราเคยไปเยี่ยมเมื่อตอนเป็นเด็กๆ เลย ไม่ได้ดูโมเดิร์นอลังการแต่ห่างเหินแบบบางร้าน








อย่ากระนั้นเลย เราก็รีบไปสืบเสาะตามหาว่าเจ้าของร้านน่ารักนี้เป็นใครกันหนอ เพื่อที่จะได้ติดต่อขอเข้าไปถ่ายร้านเค้าให้ไว โชคดีจริงๆ ที่สมัยนี้มันมีบล็อกกับเฟซบุ๊ค และเจ้าของร้านอาหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ เค้าก็นิยมสร้างบล็อก สร้างเพจของร้านอาหารตัวเองขึ้นมา เพื่อจะได้เชื่อมโยงกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น และเราก็เลยติดต่อเค้าได้ง่ายขึ้นไปด้วย




ชั้นสองของร้าน

เจ้าของร้านเป็นคู่รักน่ารัก ชื่อคุณคริส กับคุณมิ้ม ที่เริ่มต้นความฝันของพวกเค้า ด้วยการอยากมีอะไรเป็นของตัวเอง ก็เลยคิดเปิดร้านอาหารด้วยกัน แต่ที่มันกลายเป็นร้านอาหารคอนเซปท์แปลกๆ แบบนี้ก็เพราะว่า ที่บ้านของทั้งคู่ทำกิจการซักรีดอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยอยากจะสานต่อกิจการของที่บ้านด้วย เลยเอาร้านซักแห้งมาผนวกรวมกับร้านอาหารมันซะเลย ก็เลยเป็นที่มาของ “Launderette Garden" ด้วยประการฉะนี้  คือขายทั้งอาหารและรับซักแห้งกระเป๋าแบรนด์เนมไปด้วยนั่นเอง


และเพราะว่าร้านนี้มีคำว่า "Laun-
derette" อยู่ในชื่อ และเจ้าของร้านก็เกี่ยวพันอยู่กับกิจการซักแห้ง ซักอบ รีด ทั้งหลายทั้งปวง คอนเซปท์การตกแต่งร้านก็เลยมีหลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับการซักอบรีด เช่นเตารีด ไม้แขวนเสื้อ หรือตะกร้าผ้า รวมทั้งข้าวของเก่าๆ ของเล่นเก่าๆ ที่ประดับตกแต่งไว้ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปบ้านของใครสักคนเมื่อ 30 – 40 ปีก่อน ถ้ามีโอกาสได้มาที่นี่ อย่าลืมมาเก็บรายละเอียดพวกนี้กันเอาเองนะ เพราะมันมีของกระจุกกระจิกวางอยู่ตรงโน้น ตรงนี้รอให้เราไปตื่นตาตื่นใจอยู่เต็มไปหมดเลย



และแน่นอน....คำอีกคำที่ปรากฏอยู่ในชื่อร้าน มันคือคำว่า “Garden" ใช่มั๊ยล่ะ....งั้นมันก็ต้องมีสวนด้วยน่ะสิ... ก็มีอยู่ด้านหน้าร้านนั่นเลย เดินเข้ามาก็จะเจอสนามหญ้าเล็กๆ รอต้อนรับอยู่เลยแหละ บนสนามหญ้าก็วางโต๊ะเก้าอี้ไม้ที่ขัดให้ดูเก่าๆ แล้วก็มีดงต้นเฮลิโคเนียอยู่ด้านหลังสุดของสนาม แซมกับต้นไม้ใหญ่น้อยรอบๆ....เออ มันให้ความรู้สึกเหมือนเรามานั่งอยู่ที่สวนบ้านใครอีกแล้ว....เหมือนมากินข้าวบ้านเพื่อนเลยแฮะ เพราะมันดูสบายเหมือนบ้านเลยอ่ะสิ (นี่ถ้าขอเสื่อมาปูกับพื้นหญ้าได้ แล้วขอหมอนเค้าอีกสักใบ คงยิ่งเหมือนบ้านเพื่อนเข้าไปใหญ่เลยนะ)



หมูทอดซอสมะนาว


ซุปเปอร์จี๊ดซัลมอน
 ส่วนอาหารก็น่าอร่อย และตกแต่งจานชามได้สวยพอๆ กับที่ตกแต่งร้านเลยอ่ะ อย่าง “ซุปเปอร์จี๊ดซัลมอน” (ราคา 165 บาท) อาหารจานที่คุณคริสภูมิใจนำเสนอมาก เพราะมันเป็นจานโปรดของเค้า  ซึ่งก็ตกแต่งได้สวยงามมาก (น้องสาวแพร์เรียกมันว่า “ซัลมอนกุหลาบ” ตอนที่เห็นรูปอาหารจานนี้) วางซัลมอนที่ม้วนๆ เหมือนดอกไม้ อยู่ตรงกลางระหว่างน้ำจิ้มซีฟู๊ดที่จี๊ดมากสองสี สองรส น้ำจิ้มสีแดงกลิ่นพริกแดงจะฉุนกว่า เปรี้ยว เค็มและเผ็ดกว่า น้ำจิ้มสีเขียว ซึ่งก็มีความเปรี้ยวมากกว่าน้ำจิ้มสีแดง มีกระเทียมฝานมาให้กินคู่กันด้วย อร่อยจี๊ดๆ สมชื่อมันจริงๆ นะ



อีกจานก็หน้าตาสวยงาม สีสันสดใสเหมาะแก่การถ่ายรูปจริงๆ มันคือ “หมูทอดซอสมะนาว” (ราคา 125 บาท) หมูชุบเกล็ดขนมปังทอดกรอบๆ ราดด้วยซอสมายองเนสผสมมะนาวเปรี้ยวปรี๊ด อมหวานๆ มีรสมายองเนสนิดๆ กินเพลินดี



ของคาวจานสุดท้ายยิ่งตกแต่งอลังการยิ่งกว่า 2 จานแรก มันคือ“หมูทอดซอสเปรี้ยวหวาน” (ราคา 125 บาท)  เค้าเอาหมูไปชุบแป้งทอดแล้วเอาไปผัดกับ ซอสเปรี้ยวหวาน ใส่หอมใหญ่ มะเขือเทศ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ รสชาติเหมือนเอาผัดเปรี้ยวหวานมารวมกับไก่ผัดเม็ดมะม่วง แล้วเททั้งหมดลงไปในเปลือกสับปะรดที่ทำหน้าที่เป็นชามธรรมชาติ เป็นอาหารตาที่สวยงามมาก แถมรสชาติหมูทอดซอสเปรี้ยวหวานก็อร่อยดีนะ แต่จานนี้ต้องกินกับข้าวนะ ถ้ากินเปล่าๆ รสชาติก็จะออกเข้มข้นไปสักหน่อย



สตรอเบอร์รี่ โยเกิร์ต สมูทธี


เออ มาแล้วไม่มีน้ำอะไรสักอย่างมาถ่าย นอกจากน้ำเปล่าก็กระไรอยู่ใช่มั๊ย แล้วแก้วที่ถูกยกมาก็สีสันบาดตาเหลือเกิน เพราะสีมันแด๊งแดงน่ะสิ (ชอบสีแดงสุดๆ) “สตรอเบอร์รี่โยเกิร์ต สมูทธี” (ราคา 75 บาท) เปรี้ยวปรี๊ดอีกแล้ว มีอมหวานด้วยช่วยๆ กันในแก้วเดียว ชอบอ่ะ >__<




วอฟเฟิลกับไอศกรีมช็อกโกแลต
 ปิดท้ายวันนี้ด้วยของหวานที่ชื่อฟังดูธรรมดา แต่แอบมีรายละเอียดแบบเดียวกับการตกแต่งร้านอีกแล้ว “วอฟเฟิล กับไอศกรีมช็อกโกแลต” (ราคา 95 บาท) หน้าตาก็เหมือนวอฟเฟิลทั่วไปแหละ แต่พอกัดเข้าไปคำแรก เอ่อ....เนื้อวอฟเฟิลมันหนานุ่มจมเขี้ยวมากอ่ะ ไม่ได้มาแบบโปร่งๆ บางๆ หาผิวสัมผัสของเนื้อแป้งไม่เจอ แล้วในจานก็มีวิปปิ้งครีมของโปรด ไอศกรีมช็อกโกแลต กับซอสช็อกโกแลตในถ้วยใบเล็กๆ อยากจะราดตรงไหนก็ตามแต่ศรัทธา แล้วรายละเอียดเล็กๆ ในจานนี้คืออะไรน่ะเหรอ.....ก็เม็ดช็อกโกแลตเล็กๆ ที่โรยมาบนวอฟเฟิล และในซอสไงล่ะ มันช่วยให้กินอร่อยขึ้น เพราะมันกรุบกริบๆ ดี


ร้าน “Launderette Garden" เป็นบ้านหลักเล็กๆ สามชั้น ตั้งอยู่ในซอยนภาศัพท์ 2 ซึ่งซอยเป็นซอยเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในซอยสุขุมวิท 36 อีกที....ถ้ามาจากทาง BTS ทองหล่อ หรือปากซอยทองหล่อ ให้เดินขึ้นมาทางเอ็มโพเรียม จะเจอซอยๆ นึงที่หน้าปากซอยกำลังมีการก่อสร้างคอนโดมีเนียมสีลาเวนเดอร์ (ที่อีกไม่นานก็คงจะเสร็จ) ซอยนี้อยู่ห่างจาก BTS ทองหล่อประมาณ 50 เมตร วิธีเข้าซอยสำหรับใครที่ไม่มีรถ ให้นั่งวินมอไซค์รับจ้างที่ประจำอยู่หน้าปั๊มน้ำมันก่อนถึงทางเข้าซอยสุขุมวิท 36 หรือจะเดินเข้าไปก็ได้ ถ้าไปตอนเย็นๆ นะ แต่ถ้าตอนดึกๆ ก็ไม่แนะนำให้เดินนะจ๊ะ แม้ว่ามันจะไม่ลึกเลย เดินไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะปลอดภัยนัก นั่งแท็กซี่เข้าไปดีกว่า ค่ารถไม่เกิน 40 บาท




ด้านหน้าร้านพร้อมจุดสังเกต
เมื่อเข้าซอย 36 ไปแล้ว พอผ่านคอนโดมานิดนึง ก็เตรียมเลี้ยวขวาได้เลย จะมีป้ายบอกชื่อซอยนภาศัพท์ 2 อยู่ด้านหน้า ให้ตรงเข้ามาประมาณ 100 เมตร จะเห็นร้านตั้งอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนนานาชาติทรินิตี้ ร้านมีจุดสังเกตคือ แท่งปูนโค้งๆ ที่เรียงจากชั้นสองขึ้นไปถึงชั้นสามของร้าน ดูเอาจากรูปก็ได้ว่ามันหน้าตาเป็นไง 


ถ้าจะโทรไปถามทาง หรือสั่งจองโต๊ะ จองร้าน (เค้ารับจัดงานปาร์ตี้ด้วยนะ แขก 100 คนก็รับนะ) หรือจะซักกระเป๋า (เค้ารับซักแห้งกระเป๋าแบรนด์เนมด้วยไง ราคาเริ่มต้นที่ 300 บาท) โทรไปได้ที่ 087-042-8228, 081-751-0447 หรือไปที่เพจ Launderette Garden ในเฟซบุ๊คของเค้าได้ ร้านเปิดจันทร์ - เสาร์ ตั้งแต่เวลา 17.00-24.00 น. ในอนาคตคุณคริสบอกว่าตรงห้องเล็กๆ ด้านหน้าที่ไช้เป็นจุดรับกระเป๋าส่งซัก จะเปิดเป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่จะเปิดให้นั่งกินอาหารได้ตั้งแต่บ่ายสองโมง





ปล. ตอนนี้ยังไม่เจอ แต่เคยเจอเคสขโมยรูปกับรูปอื่นของตัวเอง ฉะนั้นขอบอกกันไว้ก่อนนะจ๊ะ ว่าไม่หวงห้าม หากใครจะเอารูปในนี้ไปใช้ แต่ขอให้ใส่เครดิตให้นิดนึง ว่าเอามาจากไหน เพราะรูปในบล็อกนี้ และที่ลงไว้ในเฟซบุ๊คเป็นรูปที่ถ่ายเอง เพื่อใช้ในงานประจำ และเป็นความชอบส่วนตัว ฉะนั้นหากใครเอาไปใช้โดยไม่ลงเครดิตให้ หรือพูดง่ายๆ ว่าขโมยล่ะก็ เราคงทำอะไรคุณไม่ได้หรอก แต่ก็หวังว่าคุณจะมีจิตสำนึกบ้างเท่านั้น



ทางไป Launderette Garden










และคราวนี้เนื่องจากรายละเอียดของร้านมีเยอะมาก เลยอดใจไม่ไหว ถ่ายมาซะเยอะ และก็เลือกไม่ถูก ว่าจะลงรูปไหนดี เพราะร้านเค้าสวยทุกมุม เลยเอาไปทำเป็นสไลด์โชว์มาให้ดูกันเลยดีกว่า จะได้ดูรูปได้เยอะๆ

                               
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น