วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

"Cicchetti" ยกอิตาลีมาไว้กลางห้าง กับสปาเก็ตตี้ล็อบสเตอร์ตัวเท่าบ้าน และไอศกรีมกรุ่นกลิ่นดอกกุหลาบ


ร้าน "Cicchetti" หรือ “ชิเคตติ” เป็นร้านในเครือเดียวกับ “ซินญอร์ ซาสซี่” ที่โรงแรมอนันตรา สาทร อาหารในร้านก็เลยเป็นอาหารอิตาเลียนสไตล์เดียวกับที่ “ซินญอร์ ซาสซี่” เลย แต่ลดพอร์ชั่นให้เล็กลง และราคาถูกลงมาหน่อย แต่ก็อาจจะยังราคาสูงสำหรับบางคน แต่ถ้าเทียบคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้และปริมาณของอาหารที่ได้แล้ว ราคานี้ก็ถือว่าไม่แพง


ร้าน "Cicchetti" เพิ่งเปิดใหม่ไม่กี่เดือน อยู่ตรง "Groove" (กรู๊ฟ) เซ็นทรัลเวิลด์ ตอนเข้าไปในร้าน เห็นแต่ฝรั่งซะครึ่งค่อนร้าน ฟังสำเนียงแล้วก็เป็นคนอิตาเลียนซะด้วย ฉะนั้นคงจะเชื่อใจได้ว่า ร้านอาหารอิตาเลียนที่คนอิตาเลียนแท้ๆ ยังมากิน แปลว่ามันต้องอร่อยแบบอิตาเลียนจริงๆ ไม่อิงรสไทยๆ


เริ่มที่ สองสหายแคนาเดียน ล็อบสเตอร์กันก่อน


Spaghetti with Fresh Canadian Lobster

- จานแรก แค่เรียกน้ำย่อย กับ “Lobster Burger” (ราคา 490 บาท) เป็นเบอร์เกอร์ขนาดกลางๆ ที่อัดเนื้อล็อบสเตอร์คลุกรวมกับมายองเนสไว้ตรงกลาง เสิร์ฟมาพร้อมซอสมาโย เฟรนช์ฟรายกรอบนอกนุ่มใน และสลัดผักสดๆ ขอบอกว่าเนื้อล็อบสเตอร์ที่อยู่ตรงกลางเบอร์เกอร์นั้น ชิ้นใหญ่มากๆ เนื้อแน่นนุ่มหวาน และมายองเนสที่คลุกมาก็รสครีมๆ ดี เมนูนี้ชอบมาก อร่อยเพราะเนื้อล็อบสเตอร์ชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำ


- อีกจานคือ “Spaghetti with Fresh Canadian Lobster” (ราคา 680 บาท) จานนี้จะหน้าตาคล้ายๆ กับที่ “ซินญอร์ ซาสซี่” แต่ที่ "Cicchetti" พอร์ชั่นจะเล็กลงมาหน่อย และราคาเบากว่าที่ “ซินญอร์ ซาสซี่” เกือบครึ่ง แต่รสชาติอร่อยเข้มข้นไม่มีตก เส้นสปาเก็ตตี้ผัดกับซอสมะเขือเทศข้นๆ และเนื้อล็อบสเตอร์ เป็นสปาเก็ตตี้ที่รสชาติจัดๆ ชัดเจน อร่อยแบบไม่อยากให้มันหมดจานเลย


Lobster Burger

Lobster Burger

Black Truffle Risotto


Agnello a l Fleno


- ต่อมาเป็นริซอตโต้กันบ้าง “Black Truffle Risotto” (ราคา 680 บาท) จานนี้แทบอยากจะกรี๊ดด้วยความอยากกิน ปกติเป็นคนที่ชอบกินริซอตโต้มากๆ อยู่แล้ว เพราะมันครีมมี่ดี แล้วของที่ “ชิเคตติ” มันท้อปด้วย “แบล็ค ทรัฟเฟิล” อันแสนแพงเข้าไปอีก ก็เลยยิ่งเพิ่มทวีความอยากกิน

“ริซอตโต้” จานนี้ที่ "Cicchetti" เค้าจะเอาไปผัดกับหมึกดำของปลาหมึก แล้วก็ใส่เนื้อปลาหมึกหนึบๆ มาด้วย รสชาติก็ครีมมี่สุดๆ สมใจ ทั้งเค็ม ทั้งมัน และมีรสชาติของปลาหมึกกระจายอยู่ในปากด้วย เพราะข้าวมันซีมซับเอากลิ่นและรสของปลาหมึกไว้จนอวบอ้วนเลย เหมือนมีปลาหมึกมาว่ายอยู่ในปากห


- มาถึงจานเนื้อกันบ้าง “Agnello a l Fleno” (ราคา 460 บาท) ซี่โครงแกะย่างแบบสุกกำลังดี เนื้อแกะไม่เหนียวเลย นุ่มมากๆ หั่นง่าย เคี้ยวง่าย ยิ่งราดซอสลงไป ยิ่งเข้มข้น




แล้วก็ตบท้ายด้วยของหวานที่อร่อยจนตัวลอย

- “Rose Ice Cream” (ราคา 60 บาท) ไอศกรีมกุหลาบ ที่หอมกลิ่นกุหลาบกำซาบอยู่ในปาก เหมือนกินน้ำหอมกุหลาบเข้าไป แต่เป็นกลิ่นกุหลาบธรรมชาตินะ ไม่ใช่กลิ่นหอมฉุนๆ แบบน้ำหอมกลิ่นกุหลาบ ที่ไอศกรีมมีรสและกลิ่นของกุหลาบได้ขนาดนี้ เพราะเค้าผสมน้ำมันดอกกุหลาบลงไปด้วย กลิ่นมันเลยละมุนๆ ไม่ฉุนและไม่หอมจนเหม็น


- “Cheese Cake” (ราคา 130 บาท) ตัดกลับมาที่ของหวานอีกชิ้น ชีสเค้กที่เนื้อเนียนนุ่มเบาๆ ไม่แน่นจนเกินไป รสชาติหวานมันเปรี้ยวกลมกล่อมมาก เพิ่ม texture ด้วยอัลมอนด์บดหยาบๆ ที่โรยอยู่ด้านบน และเพิ่มความซับซ้อนของรสชาติด้วยสตรอเบอร์รี่ซอสเปรี้ยวๆ หวานๆ อร่อยกว่าชีสเค้กเจ้าดังๆ บางเจ้านะ


Cheese Cake

Rose Ice Cream


ขนมปังเสิร์ฟให้ฟรีทุกโต๊ะ



ถ้ามากินคนเดียว สั่งจานเดียวบวกกับของหวานอีกสักจาน ก็อิ่มและอร่อยแล้วล่ะ ในงบประมาณพันติ๊ดๆ (ซึ่งอาจจะกินได้ไม่บ่อยนัก)



ร้านลับในซอกหลืบ อร่อยแบบโอต์ กูตูร์ สมกับที่เดินตามหาอยู่นาน

 

เรื่องมันเริ่มมาจากได้ไปเห็นรูปขนมบราวนี่ราดครีมของร้านนี้ในอินสตาแกรม เข้า มันเลยทำให้บังเกิดความอยากจะกินขึ้นมาสุดๆ เลยไปค้นหาข้อมูลว่าร้านนี้มันตั้งอยู่ ณ ที่ใดในปฐพี

ก็ได้ความมาว่า ร้าน "WWA" แท้จริงแล้วหาใช่ร้านขนมไม่ แต่จริงๆ แล้วมันคือห้องเสื้อของไทยดีไซเนอร์ระดับหัวกะทิไรงี้ แต่ว่าเค้ามีโซนที่เปิดเป็นคาเฟ่เล็กๆ ภายในห้องเสื้อด้วย ตามพิกัดบอกว่าร้านอยู่ที่สยามสแควร์ซอย 7 ใกล้กับร้านสเวนเซนส์ 





และเมื่อเราไปถึงสยามสแควร์ เราก็ดั้นด้นค้นหาสยามสแควร์ซอย 7 ทันที ด้วยว่าไม่เคยจะสนใจจำเลขซอยของสยาม สแควร์มาก่อน เลยไม่ค่อยจะรู้ว่าซอยไหนมันอยู่ตรงไหน ก็เลยคิดเอาเองว่าซอย 7 มันคงอยู่ท้ายๆ ถนนแถวๆ แยกเฉลิมเผ่ามั้ง แถวๆ ซอยโรงแรมโนโวเทลไรงี้ ปรากฏว่าตรงนั้นมันสุดอยู่ที่ซอย 6 เท่านั้นล่ะจ้า!!!


ก็็เลยตั้งต้นเดินหาใหม่ ที่ฝั่งตรงข้าม แต่ปรากฎว่ามันก็ยังไม่มีซอย 7 จ้า เพราะซอยฝั่งตรงข้ามเริ่มที่ซอย 9 กันเลย เอาล่ะสิ มันอยู่ที่ไหนกันล่ะ ซอย 7 !!???


เดชะบุญที่พอจะจำได้ว่าสเวนเซนส์มันอยู่ตรงตึกที่เป็นเวิ้งๆ เข้าไประหว่างธนาคารกสิกรไทยกับโบนันซ่า ก็เลยลองมุ่งหน้าไปแถวๆ นั้น แล้วก็โทรถามที่ร้าน ได้ความว่า "ซอยตรงกลางสยามสแควร์ คือซอย 7 ค่ะ (ถึงตรงนี้นึกในใจ ว่าใครมันเป็นคนตั้งเลขซอยฟระ)….เวิ้งตรงข้างๆ ธนาคารกสิกรนะคะ ไปถึงแล้วเงยหน้าขึ้นมองนะคะ จะเห็นชื่อร้านอยู่บนชั้น 3 ของตึกค่ะ" 

 


Warm Rum Chocolate Brownie & Cream Shot


ค่ะ และเมื่อไปถึงยังเวิ้งนั้้น เราก็เงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็เห็น!!! เห็นป้ายค่ะ มันเป็นป้ายไปเล็กๆ เขียนว่า "WWA" ติดอยู่ที่กระจกหน้าต่างบานเล็กๆ บนชั้น 3 ของตึกนั้นค่ะ มันเป็นตึกที่เกือบจะร้างค่ะ เราจึงเดินไปที่ทางเข้า ที่ไม่บอกไม่รู้ว่าเป็นทางเข้า แล้วก็ปีนบันไดชันๆ ขึ้นไปอีกสองชั้น ไปเจอประตูกระจกใสๆ ที่หนักมาก และต้องค่อยๆ ปิดเบาๆ นะคะ เพราะมันจะดีดตัวแรงและเสียงดังมาก ราวกับประตูจะพังทลายลงมา

ไปถึงก็จะเจอกับโซฟาอยู่สองชุดเท่านั้นค่ะ มีที่นั่งให้แค่นั้น แล้วก็จะมีคนมารับออร์เดอร์เรานะคะ ไม่แน่ใจว่าเป็นหนึ่งในดีไซเนอร์ของห้องเสื้อด้วยรึเปล่า แต่เค้าแต่งตัวแซ่บมากค่ะ ใส่สร้อยของ "เอก ทองประเสริฐ" ด้วย (ดีไซนเนอร์ไทยที่ดังมากคนหนึ่ง) เริ่ดมาก


มาถึงขนม เนื่องจากตั้งมั่นว่าจะต้องกิน บราวนี่ที่เห็นในอินสตาแกรมให้ได้ จึงไม่รอช้าสั่ง "Warm Rum Chocolate Brownie & Cream Shot" (ราคา 160 บาท) มันเป็นบราวนี่นุ่มๆ หนืดๆ ขมนิดๆ ใส่มาในแก้วก้นลึก แล้วราดด้วยครีมอุ่นๆ เค็มๆ ม้นๆ ผลก็คือ บราวนี่มันเมลท์ มันฉ่ำเยิ้มมากๆ มันหวานๆ เค็มๆ มันๆ มันครีมมี่มากๆ มันอร่อยมากที่สุดเท่าที่เคยกินบราวนี่มาเลยแหละ ให้ 10 ดาวเลยนะ สำหรับบราวนี่ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ดั้นด้นค้นหาร้าน


ต่อมาเป็นชองโปรดอันดับสอง (รองจากมาการอง)

"Scone, Clotted Cream & Mixed Berry Jam/ Rhubarb Rose Water Jam" (ราคา 150 บาท) สโคนที่นี่ก้อนใหญ่มาก และเนื้อค่อนข้าง juicy ไม่ใช่แบบแห้งๆ เหมือนบางร้าน บิออกมาแล้วตักคลอตต์ครีมมาทา อร่อยลืมอ้วนเลยนะ คลอตต์ครีมที่นี่อร่อยมากๆ เนื้อมันเนียนแน่น ไม่ใช่ครีมโปร่งๆ เหมือนวิปครีมแบบที่เคยกินมา แล้วก็มีความเค็ม ความมัน ความครีมมี่กำลังดี อันนนี้ก็ให้ 10 ดาว


อีกอันเป็นขนมหวานกันบ้าง "Fig Almond Clayfouti, Brown Sugar Plum Apple Compote with Whipped Cream" (ราคา 160 บาท) เป็นขนมอบที่ผสมลูกฟิก ราดด้วยแอปเปิ้ลคอมโพท แล้วโปะด้วยวิปครีม รสชาติจะหวานอมเปรี้ยวๆ นิดๆ เนื้อขนมนุ่มมาก แต่ยังไม่ใช่ขนมที่ทำให้หลงไหลใฝ่ฝันได้เท่าสองอันแรก แต่อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของคนด้วยนะ คนอื่นไปกิน อาจจะชอบขนมนี้มากๆ ก็ได้ค่ะ 

 


Scone, Clotted Cream & Mixed Berry Jam

ส่วนเครื่องดื่ม เพื่อดับเลี่ยน เราจึงสั่งอะไรที่เปรี้ยวๆ แทนที่จะเป็นพวกกาแฟ หรือเครื่องดื่มนมๆ

"Pink Lemonade" (ราคา 90 บาท) สีชมพูสวยเชียว เปรี้ยวซ่า มีเลมอนฝานด้วย รสชาติเข้มข้น อร่อยเริด


"Raspberry Smoothies" (ราคา 100 บาท) ราสพ์เบอร์รี่ผสมกับโยเกิร์ตปั่นจนเนื้อเนียน เป็นสมูทธีส์ที่รสชาติกำลังดี ไม่เติมแต่งอะไรเพิ่ม เป็นรสชาติของโยเกิร์ตกับราสพ์เบอร์รี่เพียวๆ คนที่ไม่ชอบน้ำตาล น่าจะยิ้มเลย ถ้าได้ชิมแก้วนี้ เพราะมันไม่หวานจัด



สรุปว่า "WWA" นี้ คุ้มค่ากับการเดินตามหาจนแทบจะถอดใจ และคุ้มค่าต่อการเดินขึ้นบันไดตึกร้างมาสองชั้นจริงๆ ค่ะ


เป็นคาเฟ่ที่ทำขนมแบบงานประะณีต งานสั่งตัด ไม่ใช่งานขนมแมสๆ แบบขนมโรงงาน ซึ่งก็เปรียบได้กับงานของห้องเสื้อโอต์ กูตูร์อะไรประมาณนั้นอ่ะนะ และนอกจากขนมแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารจานเดียวด้วยนะ เดี๋ยวคราวหน้าว่าจะไปลองซะหน่อย


คนรักขนมควรไปลองนะคะร้านนี้ 



Pink Lemonade



Raspberry Smoothies



Fig Almond Clayfouti, Brown Sugar Plum Apple Compote with Whipped Cream






บราวนี่ฉ่ำเยิ้มและวอร์มครีมรสเข้มข้น