วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

Patio: ข้าวผัดกากหมู.....อ้วนก็ช่างมัน !!!




 ในที่สุดเราก็เปลี่ยนเมนูได้ซะที !!!


ปกติเป็นคนที่ชอบกินอะไรซ้ำซากจำเจ ถ้าไปร้านไหน แล้วเจอเมนูที่มันอร่อยถูกใจ ครั้งต่อๆ ไป ถ้าไปร้านนั้นอีก ก็จะสั่งแต่เมนูนั้นกินไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนไปกินอย่างอื่น แล้วร้านประจำที่ไป ก็จะมีเมนูประจำ ประมาณว่า ถ้าไปร้านนี้ก็ต้องกินเมนูนี้ ไปร้านนั้นก็ต้องกินเมนูนั้น ทำไมไม่เคยคิดอยากจะลองเปลี่ยนไปกินอย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นบ้าง ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน คงเพราะกลัวว่าถ้าลองสั่งอย่างอื่นมากิน แล้วมันไม่อร่อย มื้อนั้นคงเซ็งไปเลย (ยิ่งถ้าพาเพื่อนไปด้วย แบบว่าโฆษณาสรรพคุณความอร่อยให้เค้าฟังไว้เยอะ แต่ดันสั่งเมนูที่ไม่ชัวร์ เกิดมันไม่อร่อยขึ้นมา แป้กแน่ๆ .... โอ๊ย ! คิดเยอะชะมัด)



สลัดปูนิ่มรสจัด

ถ้าใครอ่านบล็อกเรามาได้สักพัก คงจะรู้ดีว่า ร้านประจำที่ไปบ่อยที่สุด เพราะมันถูกปากที่สุดคือ ร้าน "Patio" ที่เซ็นทรัลเวิลด์นะ แล้วก็จะสั่งสลับไปสลับมาอยู่แค่ 2 อย่าง เท่านั้น คือ “สปาเก็ตตี้เป็ดอบกรอบและผักร็อกเก็ต” กับ สลัดร็อกเก็ตกับขาเป็ดอบกรอบ” (ราคา 280 บาท)  ก็จะกินหมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้ ไม่มีเบื่อ บางทีไปกับเพื่อนอาจมีสั่ง “นัชโช่ชีสและซัลซ่า” มากินเล่นบ้าง แล้วก็มีแอบไปตอดกิน “สลัดปูนิ่มรสจัด” ของเพื่อนบ้าง เมนูนี้ก็อร่อยนะ บางทีเบื่อๆ เป็ด ก็สั่งน้องปูมากินบ้างเหมือนกัน ถือเป็นเมนูตัวสำรอง แก้เบื่อ... แต่กับน้องปูนิ่มนี่ เราอาจจะต้องรีบไปนิดนึงนะ เพราะบางวัน ถ้าของมันแรง มันก็จะหมดค่ะ เคยมีคนมาสั่งทีหลัง แล้วพนักงานเค้าบอกว่า ปูนิ่มตัวสุดท้ายหมดไปแล้ว" พร้อมกับพยัก
เพยิดมาทางโต๊ะเรา (ซึ่งนั่งอยู่คนเดียว) เค้าจะแอบด่าชั้นในใจมั๊ยนี่ เข้าใจอารมณ์คนอยากกินแล้วไม่ได้กินนะ



มาวันนี้......เนื่องจากเราเกิดอยากจะกินกากหมูมากถึงมากที่สุด เพราะหลังจากน้ำมันปาล์มขึ้นราคา มันหมูแข็งก็หาซื้อยากมากกกกกก.....แล้วชั้นจะกินกากหมูได้ไงวะนั่น....ให้พอดีต้องไปทำธุระแถวเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าที่ "Patio" มี “ข้าวผัดกากหมู กับแซลมอนนึ่งมะนาว” (ราคา 180 บาท) มันเป็นเมนูที่จดๆ จ้องๆ มานานแล้วล่ะ แต่ไม่เคยได้สั่งซะที ไม่ใช่เพราะกลัวอ้วนนะ แต่ไม่ชอบกินแซลมอนสุกๆ ชอบกินแต่แซลมอนดิบๆ เลยไม่ตัดสินใจลองสั่งมากินซะที....แต่คราวนี้ไม่สนแล้ว
  

กากหมูเน้นๆ

ซัลมอนเนื้อๆ


มันก็อร่อยดีนะ เอาข้าวไปผัดกับกากหมูเจียวกรอบๆ ข้าวมันออกเค็มๆ หน่อย แต่หอมน้ำมันหมูมาก (ณ จุดนี้นั้น ขอให้ลืมเรื่อง โคเลสเตอรอลไปก่อนเลยนะ) ตักแซลมอนนึ่งมะนาวเปรี้ยวๆ เค็มๆ มากินคู่กันไปนะ.... เอื๊อกกก เดี๋ยววันเสาร์นี้ไปกินอีกดีกว่า ไปหากากหมูมากินอีกดีกว่า

ในที่สุดเราก็สั่งอย่างอื่นมากินได้ซะที !!!!



นัชโช่ชีสและซัลซ่า (มะเขือเทศ)

ชาดำวานิลลา

น้ำแครนเบอร์รี่


วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

Gyudon Express : ข้าวหน้าเนื้อ ข้าวหน้าหมู ชามเดียวอิ่มถึงตาย !!!

สลัดปูอัดสไตล์ญี่ปุ่น


ตอนเด็กๆ เคยมีความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งค่ะ...ใฝ่ฝันว่า “อยากกินข้าวหน้าเนื้อ” แบบ “คินนิกุแมน” !! ไม่รู้ทำไม แต่ว่าเวลาเห็น คินนิกุแมนมันชนะการแข่งขันมวยปล้ำแล้วร้องเพลงว่า “ข้าวหน้าเนื้อวัว เจ้าเก่าสามร้อยปี อ่ะโชะเชะ” ข้าวหน้าเนื้อวัวมันก็จะลอยมาอยู่ตรงหน้าทันทีเลยค่ะ (ตอนเด็กๆ นั้น ยังกินเนื้อวัวได้อยู่ค่ะ แต่ตอนนี้ไม่กินแล้ว ไม่กินมา 17 ปีกว่าแล้วค่ะ) แต่ตอนเด็กๆ นั้น ร้านอาหารญี่ปุ่นไม่ว่าจะแบบไหน สไตล์ไหน ก็ยังไม่ได้มีดื่นดาษกลาดเกลื่อนเหมือนในยุคนี้ค่ะ เลยนึกไม่ออกเหมือนกันว่า หน้าตาของข้าวหน้าเนื้อวัว มันเป็นยังไง ได้แต่เก็บความอยากกินไว้ในใจ.... “อยากกิน อยากกิน อยากกิน”



จนตอนนี้มันมีร้านข้าวหน้าเนื้อ ข้าวหน้าหมู หน้านู่น หน้านี่ มากมายเต็มไปหมด ถึงได้รู้ว่า อ๋อ ไอ้ข้าวหน้าเนื้อวัว มันเป็นงี้เองเหรอ ก็แค่เอาเนื้อ เอาหมู ไปวางโปะๆ ไว้บนข้าว แล้วมันจะอร่อยตรงไหนหว่า ???



มันก็อร่อยตรงการเลือกส่วนที่ดีที่สุด และอร่อยที่สุดของเนื้อสัตว์ที่เราจะเอามาทำอาหารน่ะสินะ เนื้อวัวนี่ไม่ค่อยสันทัด แต่ถ้าเป็นหมูล่ะก็ ในวิชาทำกับข้าวส่วนตัวนั้น นิยมชมชอบเนื้อหมูส่วน “สันคอ” ที่สุดค่ะ เพราะว่ามันมีไขมันแทรก ติ๊ต่างว่าเหมือนเนื้อวัวมัตสึซากะ อะไรประมาณนั้นแหละ เนื้อหมูลายหินอ่อนน่ะค่ะ นึกออกมั๊ยคะ (แต่ก็ต้องเลือกดีๆ นะคะ บางชิ้นก็มีมันติดเยอะเกินไป ก็ต้องมาตัดออกตอนทำกับข้าวอีก)



แต่ว่าร้านอาหารส่วนใหญ่ เค้าก็จะใช้แต่เนื้อหมูสันใน สันนอก กันแทบจะทั้งนั้นเลยอ่ะ คงเพราะคนกิน กลัวไขมันที่ติดมากับหมูมั้งคะ แล้วก็การทำอาหาร แบบที่ใช้หมูเน้นๆกันเป็นเนื้อๆ มันน่าจะดูมีมูลค่ากว่าการใช้หมูติดมัน ที่มีอัตราส่วนของเนื้อแค่นิดเดียวแน่ๆ เลย…แต่ว่าการใช้เนื้อหมูส่วนที่ไม่มีไขมันติด ถ้าทำไม่ดี และปรุงให้สุกนานเกินไป มันจะไม่อร่อยค่ะ เนื้อหมูมันจะแห้งๆ แข็งๆ ไร้ซึ่งความเหนียวนุ่มสู้ฟันค่ะ


แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้เจอจนได้แหละค่ะ ร้านที่เค้าชอบใช้ “สันคอหมู” มาทำอาหารเหมือนแบบที่เราชอบกิน แล้วมันยังเป็นกึ่งๆ อาหารในฝันชามนั้นด้วยนะ



ข้าวหน้าหมูสูตรต้นตำรับ
เพราะมันคือ “ข้าวหน้าหมู” (Butadong)  ค่ะ ก็ตอนนี้ไม่กินเนื้อแล้วไง เลยเปลี่ยนเมนูในฝัน จาก  “ข้าวหน้าเนื้อวัว” มาเป็น “ข้าวหน้าหมู” แทน แล้วเราไปเจอมันที่ไหนน่ะเหรอ....ก็ที่ร้าน "Gyudon Exprees" อ่ะค่ะพอดีว่าเพื่อนแนะนำมาว่าให้ลองไปถ่ายร้านนี้ ก็เลยอยากรู้ว่ามันจะอร่อยเท่า “ข้าวหน้าเนื้อวัว” ของคินนิกุแมน รึเปล่านะ....ไปลองกันๆ



ที่  “Gyudon Express" มี “ข้าวหน้าหมูสูตรต้นตำรับ Gyudon Express" (ราคา 78 บาท) กับ "ข้าวหน้าเนื้อสูตรต้นตำรับ Gyudon Express" (ราคา 88 บาท) ข้าวหน้าเนื้อไม่ได้กิน กินแต่ข้าวหน้าหมู ที่สไลด์หมูซะบางจนจะเหมือนเบคอนอยู่แล้ว มันเลยมีข้อดีคือเคี้ยวง่าย และซึมซับน้ำซุปที่ต้องเอามาราดลงไปบนหมูได้ดีกว่าหมูชิ้นก้อนๆ กลมๆ นะ (สามารถเลือก topping ได้ตามอัธยาศัยนะคะ แค่เพิ่มอีก 18 บาท จะเอากิมจิ มายองเนส หรือไข่ลวกออนเซ็น ก็แล้วแต่ชอบเลยค่ะ) แต่ที่อยากพูดถึงคือขนาดของชามที่ใหญ่เอาเรื่องอยู่นะ คนกินน้อยคงถึงตาย...อิ่มตายกันไปข้าง แต่คนกินจุก็คงอิ่มได้แบบพอดีๆ  
มีเพื่อนคนหนึ่ง เป็นผู้ชายด้วยนะ เค้าตามไปกินทีหลัง หลังจากแพร์อัพงานขึ้นเว็บไปแล้ว เค้าบอกว่าเค้ากินไม่หมด คนพูดนี่ตัวมันก็ไม่ได้เล็กเลยนะ....แต่ถ้าใครไปกินแล้ว รู้สึกว่าชามมันก็ยังไม่ได้ใหญ่สะใจอย่างที่บอก อันนี้ก็ไม่รู้แล้วนา แต่เรื่องหนักเครื่องนี่ของจริง !


ทาโกะยากิ

อีกอย่างที่ความชอบและความอยากกิน เกิดมาจากการอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเหมือนกัน ก็คือ “ทาโกะยากิ” ค่ะ แต่ว่ากินมาหลายที่แล้ว น้อยมากที่จะอร่อย เพราะแต่ละเจ้าที่ไปกิน แป้งกลบหนวดปลาหมึกยักษ์ไปหมดเลยค่ะ หาหนวดปลาหมึกยักษ์ไม่เจอเลย !! มีที่อร่อย (สำหรับเรา) ก็ “ทาโกะยากิ” ร้าน  “Zen" ที่รู้สึกว่า สาขามาบุญครองจะอร่อยสุดค่ะ



เออ แต่พอได้กิน “ทาโกะยากิ” (ราคา 48 บาท) ของ “Gyudon Express" ก็ชอบแฮะ เครื่องโรยหน้าที่เป็นสาหร่ายกับปลาโอตากแห้งให้มาเยอะดี สะใจ ! แป้งมันจะนุ่มๆ  แต่ไม่หนามาก พอกัดลงไปแล้ว ได้เจอหนวดปลาหมึกยักษ์จริงๆ ด้วยนะ !! ชอบใจตรงนี้แหละ



อีกสองเมนูหลักที่ได้ถ่ายวันนั้นคือ “ข้าวหน้าหมูทอด ราดซอสแกงกะหรี่สูตรเข้มเข้น” หรือ “Tonkatsu Kare" (ราคา 118 บาท) กับ “สลัดปูอัดสไตล์ญี่ปุ่น” (ราคา 38 บาท) ตัวข้าวหมูทอดราดซอสแกงกะหรี่นี่ เจ้าของร้านเค้าเล่าให้ฟังว่าต้องเคี่ยวผักทุกอย่างกับเครื่องเทศ 12 ชนิด เคี่ยวจนแครอท หัวหอม มันฝรั่ง และแอปเปิ้ลสับรวมเป็นเนื้อเดียวกัน  (ถ้าไปกินร้านนี้ คุณต้องได้เจอเจ้าของร้านทั้งสองคนตัวเป็นๆ แน่ เพราะเค้าลงมือทำอาหารให้ลูกค้ากินด้วยตัวเองด้วยนะ) พอไม่ได้ใช้ผงแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแบบก้อน ที่หาซื้อได้ทั่วไปตามซุปเปอร์มาร์เก็ต รสชาติมันก็เข้มข้นแตกต่างกันเลยนะ เราว่าผงแกงกะหรี่ก้อนออกจากมีรสชาติเปรี้ยวนิดๆ นะ แต่ซอสแกงกะหรี่ของ “Gyudon Express" รสชาติจะเข้มข้น เค็มๆ เผ็ดนิดๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศขึ้นจมูก แต่กลิ่นก็ไม่ได้แรงไปจนเวียนหัวนะ กินกับหมูทอดทงคัตสึกรอบๆ  (ไม่ขอเปรียบเทียบความอร่อยของทงคัตสึนะคะ เพราะตัวเองยังนับว่ากินมาน้อยที่)



สลัดปูอัดสไตล์ญี่ปุ่น
ส่วน “สลัดปูอัดสไตล์ญี่ปุ่น” ก็ใช้ผักปลอดสารพิษจากฟาร์มผักของเพื่อนเจ้าของร้านเอง ที่เค้าปลูกผักกับดินแล้วกางมุ้งให้ผัก แมลงเลยไม่มารบกวน ไม่ต้องฉีดยา ในชามสลัดจะมีทั้ง กรีน-บัตตาเวีย, เรด – บัตตาเวีย, ผักกาดหอม บัตเตอร์เฮด, กรีน –โอ๊ค, เรด-โอ๊ค โปะปูอัดและไข่กุ้ง และราดน้ำสลัดแบบญี่ปุ่นที่รสชาติออกไปทางเปรี้ยวๆ แบบซอสโชยุ อร่อยดีค่ะ ไม่เลี่ยน และกินได้เรื่อยๆ เพราะถูกมาก แค่ 38 บาทเองค่ะ



อ้อ! ลืมโฆษณาจุดขายสำคัญของร้านเค้าไปเลย จริงๆ มันควรจะเกริ่นมาตั้งแต่ต้นเลยนะ แต่ขี้เกียจกลับไปเขียนแก้ใหม่ (แกจะไปบอกเค้าทำไมเนี่ย)....จุดขายของร้านนี้ที่เราชอบมากคือ “Gyudon Express" ปลอดผงชูรสเกือบ 90% (อีก 10% ที่เหลือ คือผงชูรสที่อยู่ในพวกซอสถั่วเหลือง หรือโชยุที่ใช้) ก็ดีนะ ชอบเพราะเวลาไปกินอาหารร้านตามสั่ง หรือพวกลาบส้มตำน้ำตก ก็ต้องคอยบอกเค้าว่า “ไม่ใส่ผงชูรสนะคะ” ตลอดอ่ะ....เคยไปเจอร้านนึง ป้าคนทำถามกลับมาว่า “แล้วมันจะอร่อยเหรอหนู” ....เอ๊า !!!!!! ป้าคะ ป้าไม่มั่นใจในฝีมือการทำอาหารของป้าเลยเรอะ ได้ไงๆ



นั่นแหละ ไม่ใส่ผงชูรสจะดีกว่า เพราะเหมือนบางทีก็แพ้ผงชูรส กินแล้วปากบวมเจ่อ ดังนั้นไม่ใส่เลยจะปลอดภัยกว่านะ!



ไอศครีมเจลลาโตโฮมเมด

ปิดท้ายมื้อหนักนี้ ด้วย “ไอศกรีม เจลลาโต
โฮมเมด” (ราคาถ้วยละ 38 บาท) ถ้าใครชอบชาเขียว สั่งรส “ชาเขียว – นม” มากินนะ แพร์กินแล้วชอบอ่ะ เนื้อไอศกรีมมันจะเหนียวๆ ข้นๆ ดี รสชาติหนักนมมาก เหมาะกับคนชอบนม เพราะเจ้าของร้านชอบกินรสชาตินมๆ ครีมๆ เลยใส่กันแบบไม่ยั้ง อร่อยดี ส่วนรสอื่นเป็นไงไม่รู้ ไม่ได้กิน ไปลองชิมกันดูเองนะคะ



จะไปร้าน “Gyudon Express" ไปง่ายดายมาก เพราะตั้งอยู่หน้าปากซอยวิภาวดี 18 ข้างๆ ร้าน “บ้านไม้แดง



ถ้ามาจากทางห้าแยกลาดพร้าว ไม่ว่าจะมาจากทางหน้าห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว หรือจากตึกชินวัตร ก็ให้ตรงเข้าเส้นวิภาวดี ฝั่งที่มุ่งหน้าไปทางสามเหลี่ยมดินแดง ขับไปอีกนิดเดียวก็จะเจอตึกการบินไทยค่ะ พอเจอตึกก็ให้เตรียมชิดซ้ายได้เลย แล้วขับไปอีกไปสักประมาณ 100 เมตร ก็จะเห็นร้านเล็กๆ สีขาวตั้งอยู่ห่างจากถนนสัก 10เมตรค่ะ มีที่จอดรดด้านหน้า และด้านหลังร้านด้วย เลี้ยวเข้าไปได้เลยค่ะ นั่นแหละ “Gyudon Express"



และเข้าไปเยี่ยมชมเพจของร้านใน Facebook ได้ที่ Gyudon Express เลยนะคะ เค้าจะมีบอกพวกโปรโมชั่นต่างๆ ของร้านไว้ด้วยค่ะ ลองเข้าไปติดตามกันดูนะคะ



ใครไปกินมาแล้ว มาเล่าให้ฟังมั่งก็ดีนะคะ อยากรู้นะคะ ว่าที่แนะนำๆ ไปน่ะ ถูกใจคนอ่านกันมั่งมั๊ย... บล็อกคนเข้ามาอ่านเยอะ แต่คนเมนท์ให้น้อยจริง อยากคุยกับคนอื่นมั่งน่ะ 5555 ได้มั๊ยๆ




ข้าวหน้าเนื้อกับไข่ลวกออนเซ็น
ที่ใช้เวลาในการลวกเป็นชั่วโมง

เนื้อที่ใช้เป็นเนื้อติดมัน
ไม่ใช่เนื้อนำเข้าแต่ก็ดูน่ากินดีนะ

หมูสันคอหั่นสไลด์มีมันแทรกเหมือนเบคอนเลย

ข้าวหน้าหมูทอด ราดซอสแกงกะหรี่สูตรเข้มเข้น


หมูทอดทงคัตสึกรอบๆ

มิโสะซุปเค็มๆ ดี แต่ซดแล้วชื่นใจ


ชาเขียวแท้หอมๆ ไม่ใส่น้ำตาล


กิมจิ

ยำสาหร่ายวะกะเมะ (ราคา 38 บาท)







(ซ้าย) คุณขุน (ขวา) คุณชาร์ล สองหนุ่มเจ้าของร้าน